แบบรายงานการดำเนินงานฉบับสมบูรณ์
รายงานฉบับสมบูรณ์
โรงเรียนบ้านยางงาม
“ โรงเรียนบ้านยางงาม ”
หมู่ที่ 10 ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา
หัวหน้าโครงการ
นายอาจินต์ สุขศรีสังข์
ชื่อโครงการ โรงเรียนบ้านยางงาม
ที่อยู่ หมู่ที่ 10 ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา จังหวัด สงขลา
รหัสโครงการ ศรร.1412-114 เลขที่ข้อตกลง 58-00-2265-ต.3
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 2 พฤษภาคม 2559 ถึง 30 เมษายน 2560
กิตติกรรมประกาศ
"โรงเรียนบ้านยางงาม จังหวัดสงขลา" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน หมู่ที่ 10 ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา
คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ โรงเรียนบ้านยางงาม ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป
คณะทำงานโครงการ
โรงเรียนบ้านยางงาม
บทคัดย่อ
โครงการ " โรงเรียนบ้านยางงาม " ดำเนินการในพื้นที่ หมู่ที่ 10 ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา รหัสโครงการ ศรร.1412-114 ระยะเวลาการดำเนินงาน 2 พฤษภาคม 2559 - 30 เมษายน 2560 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 100,000.00 บาท จาก โรงเรียนบ้านยางงาม เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นสมาชิกในชุมชนจำนวน 144 คน หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้
โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ
หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"
สารบัญ
กิตติกรรมประกาศ
บทคัดย่อ
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
วัตถุประสงค์โครงการ
กิจกรรม/การดำเนินงาน
กลุ่มเป้าหมาย
ผลลัพธ์ที่ได้
การประเมินผล
ปัญหาและอุปสรรค
ข้อเสนอแนะ
เอกสารประกอบอื่นๆ
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
โครงการเด็กไทยแก้มใสถวายเจ้าฟ้านักโภชนาการ เกิดจากความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับหน่วยงานภาคี ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร และ กระทรวงมหาดไทย ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนโรงเรียนในการน้อมนำแนวทางการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จ การบริหารจัดการอาหารและโภชนาการในโรงเรียนอย่างครบวงจรของโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีไปปฏิบัติในการพัฒนาด้านเกษตร อาหาร โภชนาการและสุขภาพเด็กในโรงเรียน โดยน้อมนำกรอบแนวคิดและองค์ประกอบของการพัฒนาจากบทเรียนโรงเรียนในโครงการพระราชดำริใน ๘ องค์ประกอบคือ
๑. การเกษตรในโรงเรียน
๒. สหกรณ์นักเรียน
๓. การจัดการบริหารของโรงเรียน
๔. การติดตามภาวะโภชนาการ
๕. การพัฒนาสุขนิสัยของนักเรียน
๖. การพัฒนาอนามัยสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนให้ถูกสุขลักษณะ
๗. การจัดบริการสุขภาพ
๘. การจัดการเรียนรู้ : เกษตร โภชนาการ และสุขภาพอนามัย
โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เด็กนักเรียนเกิดคุณลักษณะสำคัญใน ๔ ประการตามแนวพระราชดำริ คือ มีพุทธศึกษา จริยศึกษา หัตถศึกษาและ จริยศึกษา มีภาวะโภชนาการดี สุขภาพแข็งแรง ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาทักษะที่จำเป็นและคุณลักษณะที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะ และคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งเป็นการพัฒนาที่มีเด็กเป็นศูนย์กลาง โดยเน้นให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริงด้วยตนเอง (Learning by doing) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ พัฒนาทักษะและคุณลักษณะที่เหมาะสม สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตจริงและพึ่งตนเองได้ โดยโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องมีการบริหารจัดการแผนงานอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการ บริบทของชุมชน และวัฒนธรรมประเพณี ซึ่งโครงการเด็กไทยแก้มใสถวายเจ้าฟ้านักโภชนาการในปีที่ ๑ (พ.ศ.๒๕๕๗-๒๕๕๘) มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น ๕๔๔ โรงเรียนจากทั่วประเทศ
สถานการณ์ภาวะทุพโภชนาการของประเทศไทยจากรายงานการเฝ้าระวังภาวะโภชนาการนักเรียนอายุ ๖-๑๒ ปี จำนวน ๑,๔๙๒,๐๘๖ คน ใน ๗๖ จังหวัด ของกรมอนามัย ปี ๒๕๕๕ พบว่านักเรียนมีภาวะอ้วน ร้อยละ ๑๒.๕ เตี้ยร้อยละ๑๖.๘ และระบุว่านักเรียนอายุ ๖-๑๒ ปี ที่มีส่วนสูงระดับดีและรูปร่างสมส่วน มีเพียง ร้อยละ ๕๑.๖ ซึ่งสอดคล้องกับการสำรวจข้อมูลพื้นฐานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปี ๒๕๔๔พบว่า เด็กไทยสัดส่วนไม่ได้มาตรฐาน จำนวน ๑.๒ ล้านคน จำแนกเป็นน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ จำนวน ๒๒๓,๒๘๘ คน น้ำหนักสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานจำนวน ๕๙๐,๐๘๗ คน และส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน จำนวน๒๕๘,๑๔๙ คนซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระดับสติปัญญาและคุณภาพชีวิตของเด็กไทยหนึ่งในสาเหตุสำคัญคือ๑) การพฤติกรรมการบริโภคไม่เหมาะสมตามวัย โดยเฉพาะการบริโภคผักน้อยกว่าปริมาณที่แนะนำ คือเฉลี่ยวันละ ๖๐ กรัม (ปริมาณที่แนะนำวันละ ๔๐๐ กรัม) กินขนมกรุบกรอบและเครื่องดื่มรสหวานจัดเกือบทุกวันหรือทุกวันสูงถึงร้อยละ ๖๗.๔ นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กไทยในช่วงวัยประถมศึกษาจะได้รับน้ำตาลจากเครื่องดื่มเฉลี่ย ๕-๗ ช้อนชา/วัน และน้ำตาลจากขนมกรุบกรอบเฉลี่ย ๓ ช้อนชา/วันซึ่งปริมาณรวมในการบริโภคน้ำตาลของเด็กมากถึง ๑๐ ช้อนชา และ ๒) สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อสุขภาพผลกระทบของการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจะส่งผลให้เด็กมีการเจริญเติบโตและพัฒนาร่างกายและสติปัญญาที่ช้าไม่เป็นไปตามศักยภาพที่ควรจะเป็น
จากสถานการณ์ดังกล่าว โรงเรียนบ้านยางงามจึงได้เข้าร่วมโครงการเด็กไทยแก้มใสถวายเจ้าฟ้านักโภชนาการ ปีที่ ๑ เพื่อน้อมนำแนวทางการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จ จากการบริหารจัดการอาหารและโภชนาการในโรงเรียนอย่างครบวงจรของโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีมาปฏิบัติในการพัฒนาโรงเรียน เพื่อให้เด็กนักเรียน มีภาวะโภชนาการดี สุขภาพแข็งแรง ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาทักษะที่จำเป็นและคุณลักษณะที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นซึ่งในปีที่ ๑ ได้ดำเนินการดังต่อไปนี้
(สรุปผลการดำเนินงาน ของโครงการฯ ปีที่ ๑ พร้อมสถานการณ์ด้านอาหารและโภชนาการของเด็กนักเรียน ก่อน-หลัง
เข้าร่วมโครงการ และกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จที่เห็นผลผลิต ผลลัพธ์ หรือนวัตกรรม อย่างเป็นรูปธรรม ตามข้อมูลในใบสมัครส่วนที่ ๓)
จากสถานการณ์ภาวะทุพโภชนาการของนักเรียนโรงเรียนบ้านยางงาม ปี ๒๕๕๗ พบว่านักเรียนมีภาวะโภชนาการ ดังนี้ อ้วนร้อยละ ๑๕.๙๐ผอมร้อยละ ๑๔.๔๐สมส่วน ร้อยละ ๖๙.๗๐ปี ๒๕๕๘ อ้วนร้อยละ ๑๐.๖๕ผอมร้อยละ ๑๐.๖๓สมส่วน ร้อยละ ๗๘.๗๒ จากการดำเนินการเด็กไทยแก้มใส ชุมนุมส่งเสริมสุขภาพ โครงการอาหารกลางวัน อาหารเสริมนมทำให้ภาวะโภชนาการของนักเรียนดีขึ้น เด็กอ้วนน้อยลง -๕.๒๕ เด็กผอมน้อยลง -๓.๗๗ เด็กสมส่วนมากขึ้น ๘.๘๒โดยภาพรวม โรงเรียนบ้านยางงามได้แก้ปัญหา จนบรรลุตามเป้าหมายของโครงการแล้วโดยใช้โครงการเด็กไทยแก้มใส ซึ่งโรงเรียนได้มีกิจกรรมต่างๆ เช่น การเพาะเห็ด การเลี้ยงปลาดุก การปลูกผลไม้ การปลูกผักปลอดสารพิษ การปลูกพืชไร้ดิน Hydroponics การทำปุ๋ยหมักจุลินทรีย์แห้งและน้ำ โดยมีชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม
สถานการณ์
วัตถุประสงค์โครงการ
- เพื่อให้นักเรียนมีภาวะโภชนาการที่ดี มีสุขนิสัยที่พึงประสงค์ มีสมรรถภาพทางกายเหมาะสมตามวัย
- เพื่อให้นักเรียนมีความรู้และทักษะเกี่ยวกับการเกษตรและการดำเนินกิจการสหกรณ์ สามารถนำไปใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันได้
- เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนการพัฒนาโรงเรียนตามแนวทางการดำเนินงานความสำเร็จของการบริหารจัดการอาหารและโภชนาการในโรงเรียนอย่างครบวงจรของโครงการพระราชดำริฯ”สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
กิจกรรม/การดำเนินงาน
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
- เด็กนักเรียนมีสุขภาพและพัฒนาการด้านร่างกายเติบโตสมวัย มีอารมณ์และสติปัญญาที่ดีขึ้น รวมทั้งมีทักษะเพื่อการดำรงชีวิตที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตจริง
- โรงเรียนมีรูปแบบลดปัญหาโภชนาการและสุขภาพของเด็กนักเรียนลงได้ มีความรู้และแนวทางในการจัดการเพื่อส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการของเด็กนักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
- พ่อแม่ผู้ปกครองและคนในชุมชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการพัฒนาเด็กนักเรียนในด้านต่างๆ ช่วยสร้างเสริมความอบอุ่นและความเข้มแข็งให้กับครอบครัวและชุมชน ตลอดจนเกิดความยั่งยืนในการดำเนินงาน
- ชุมชนมีความตระหนักรู้และตื่นตัวในการจัดการด้านอาหาร โภชนาการ และสุขภาพของเด็กนักเรียน
ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์**
กิจกรรมของโครงการ ผลผลิต* ผลผลิตที่ตั้งไว้ ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง
1. การปลูกผักปลอดสารพิษ
วันที่ 6 มิถุนายน 2559 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
การจัดกิจกรรม
1.การให้ความรู้
1. ครูนำเสนอความหมายของ การปลูกพืชผักสวนครัว หน้ากระดาน
2.แบ่งกลุ่มนักเรียนตามความสมัครใจ กลุ่มละ 5 – 6 คน
3. ครูให้นักเรียนในแต่ละกลุ่มระดมความคิดเพื่อบอกความสำคัญของการปลูกผักสวนครัว
4. นักเรียนสำรวจผักสวนครัวในท้องถิ่น ที่สามารถนำไปปลูกได้ แล้วเขียนสรุปเป็นผังความคิด
5. ครูให้นักเรียนทำใบงานเรื่อง ความหมายและความสำคัญของการปลูกผักสวนครัว
2. การเตรียมดินปลูกผักปลอดสารพิษ
1. วิธีการเตรียมดิน
การเตรียมดิน หมายถึง การปรับปรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการ
ปลูกพืชแต่ละชนิด การเตรียมดินนั้นมี 2 อย่าง คือ การเตรียมดินแปลงเพาะเพื่อเพาะกล้า และ การเตรียมดินเพื่อปลูก การเตรียมดินเพื่อเพาะกล้าจะต้องเตรียมดินให้ละเอียดมากกว่า และต้องดูแลมากกว่าการเตรียมดินเพื่อปลูกพืช วิธีการเตรียมดินมีขั้นตอนดังนี้
1.1 กำจัดวัชพืช โดยเก็บเศษวัสดุต่างๆออกจากหน้าดินให้หมด แล้วใช้จอบถาก หรือมีดฟันหญ้า ถ้าวัชพืชอยู่ลึกต้องใช้เสียมหรือพลั่วมือขุดออก
1.2 กำหนดพื้นที่ปลูก สำหรับแปลงปลูกผักต้องใช้ไม้ปัก 4 มุม โดยวัดความกว้างยาวได้ตามต้องการ
1.3 ขุดดินบริเวณที่กำหนดไว้ ถ้าเป็นแปลงผักควรขุดดินลึกประมาณ 15 เซนติเมตร พลิกดินด้านล่างขึ้นมาด้านบน ตากไว้ให้แห้ง 2-3 วัน แล้วจึงย่อยดินให้ขนาดเล็กลง และเก็บเศษวัชพืชที่ยัง
ค้างอยู่ในดินออกทิ้ง
1.4 ตกแต่งร่องให้เป็นรูปทรงตามที่กำหนด พรวนดินอีกครั้ง ถ้าดินเป็นกรดใส่ปูนขาว โรยบางๆผสมคลุกเคล้าพร้อมปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ทิ้งไว้อย่างน้อย 1 สัปดาห์
3. การปลูกผักปลอดสารพิษ
1.เตรียมเมล็ดพันธ์ที่จะลงปลูกให้นักเรียนได้ลงมือทำ
2.ครูให้นักเรียนปลูกผักปลอดสารพิษ
3.นักเรียนดูแลรักษาพืชผักที่ปลูก
4.นักเรียนเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ได้จากการปลูก นำส่งโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนและเสริมสร้างรายได้แก่นักเรียนและจำหน่ายไปยังตลาดนัดนักเรียน
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
นักเรียนนำผลผลิตขายผ่านสหกรณ์ให้กับโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียน/นักเรียนมีความรู้ ทักษะในการปลูกผักปลอดสารพิษร้อยละ 100
44
44
2. การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
วันที่ 20 มิถุนายน 2559 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
การจัดกิจกรรม
1.ครูอธิบายการปลูกพืชไร้ดินและเชิญวิทยากรที่มีความรู้ในการปลูกผักไฮโดรโปนิค
วิทยากรอธิบายวิธีการปลูกพืชไร้ดินแบบ Hydroponics ตามขั้นตอนดังนี้
1.เตรียมฟองน้ำที่ใช้โดยการผ่าแบ่งให้เหมาะสมกับรางปลูก ใช้ มีดคัตเตอร์ กรีดฟองน้ำเป็นเครื่องหมายคูณ ความลึกของรอยประมาณ 2-3 มิลลิเมตร
2.ใส่เมล็ดลงไปในรอยกรีด ประมาณ 2-3 เมล็ด นำไปใส่ในกระบะเพาะ รดน้ำให้ชุ่มแต่ห้ามไม่ให้ระดับน้ำสูงเกินไปจนท่วมเมล็ดเพราะ เมล็ดจะไม่งอกและเน่าในที่สุด
3.นำผ้าขาวบางหรือผ้าที่ไม่หนามากนักมาคลุมที่กระบะเพาะ เพื่อเป็นการรักษาความชื้น ทิ้งไว้ 3-4 วัน แต่ต้องมีการเปิดดูทุกๆ วัน
4.เมื่อต้นกล้าที่เพาะไว้เริ่มจะแข็งแรงหรือมีอายุได้ประมาณ 5-7 วัน ให้เปิดผ้าออก แล้วนำต้นกล้าออกจากที่ร่มเพื่อมารับแสงแดด 2-3วัน ก็จะได้ต้นกล้าที่สามารถลงในรางปลูกได้
5.ย้ายต้นกล้าลงในรางปลูก ให้ฟองน้ำ จมลงในในระดับน้ำเพียงครึ่งหนึ่งของทั้งหมดเพื่อให้รากของต้นพืชได้มีการเจริญเติมโต หาอาหารเองตามธรรมชาติ โดยมีสารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากตลอดเวลา
6.ให้ธาตุอาหารตามความเข้มข้นที่เหมาะสม ต่อความต้องการของพืชชนิดนั้น และตามที่ผลิตภัณฑ์สารอาหารนั้นกำหนด
7.หมั่นดูแลรักษาทุกวัน สังเกตความต้องการสารอาหารของต้นพืชจากสีของลำต้นและสีของใบ ตามแต่ลักษณะของพืชชนิดนั้นๆ
8.ครูให้นักเรียนปลูกพืชไร้ดินแบบ Hydroponics
9.นักเรียนดูแลรักษาพืชผักที่ปลูก
10.นักเรียนเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ได้จากการปลูก นำส่งโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนและเสริมสร้างรายได้แก่นักเรียนและจำหน่ายไปยังตลาดนัดนักเรียน
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
นักเรียนนำผลผลิตขายผ่านสหกรณ์ให้กับโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียน/นักเรียนมีความรู้ ทักษะในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
20
21
3. ค่ายเยาวชนสิ่งแวดล้อม
วันที่ 5 กันยายน 2559 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
กำหนดการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการโรงเรียนปลอดขยะ (Zero Waste School)
วันที่ 20 กันยายน 2559 เวลา 08.30 – 16.30 น.
ณ. โรงเรียนบ้านยางงาม อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา
เวลา 08.00 – 09.00 น. ลงทะเบียน
09.00 –09.30 น. พิธีเปิด การประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการโรงเรียนปลอดขยะ
(Zero Waste School) และมอบเกียรติบัตรให้กับแกนนำนักเรียน
Zero Waste School
(โดย นายอาจินต์ สุขศรีสังข์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านยางงาม)
09.30 – 10.30 น. นโยบายและแนวทางการดำเนินการโรงเรียนปลอดขยะ
(Zero Waste School)
10.30 – 10.45 น. พักรับประทานอาหารว่าง
10.45 – 12.00 น. กิจกรรมรู้จัก คัด แยก ตามแนวทางการดำเนินการโรงเรียนปลอดขยะ
(Zero Waste School)
12.00 – 13.00 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน
13.00 น. กิจกรรมฐานความรู้ โรงเรียนปลอดขยะ (Zero Waste School)
1. กิจกรรมอนุบาล 1-2
1.1. หนูน้อยพอเพียง ชั้นอนุบาล 1
1.2. กระดาษนี้มีคุณค่า หนูจ๋ามาแยกกัน ชั้นอนุบาล 2
2. กิจกรรมชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3
2.1. “แกะ ตัด ล้าง เก็บ”ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-2
2.2. ประดิษฐ์ คืนร่าง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
3. กิจกรรมชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6
2.1. แยกขยะ ลดมลพิษ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
2.2. ประดิษฐ์ คืนร่าง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
2.3. บิงโก คัดแยกขยะ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
15.00 – 15.15 น. พักรับประทานอาหารว่าง
15.15 – 16.30 น. กิจกรรมฐานความรู้ โรงเรียนปลอดขยะ (Zero Waste School)(ต่อ)
16.30 น. ปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการโรงเรียนปลอดขยะ
(Zero Waste School)
(โดย นายอาจินต์ สุขศรีสังข์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านยางงาม)
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
นักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมและมีจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อม
71
71
4. ประชาสัมพันธ์แหล่งเรียนรู้
วันที่ 10 ตุลาคม 2559 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
จัดทำป้ายจุดประชาสัมพันธ์แหล่งเรียนรู้ดังนี้
1.ขั้นตอนการปลูกผักปลอดสารพิษ
2.การปลูกผักไฮโดรโปนิค
3.การกำจัดยุงลาย
4.การลด ละ เลิกใช้โฟม
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
นักเรียนได้รับความรู้โดยศึกษษข้อมูลจากป้ายประชาสัมพันธ์ที่จัดขึ้นในโรงเรียน
146
146
5. ปลูกผักและผลไม้ปลอดสารพิษ
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
-
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
นักเรียนโรงเรียนบ้านยางงามสามารถปลูกผักและผลไม่ปลอดสารพิษร้อยละ 100
72
72
6. การเลี้ยงปลาดุก ครั้งที่ 2
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมอุปกรณ์
1.บ่อปูนซีเมนต์
2.ปูน ทราย หิน
3.อาหารสำหรับเลี้ยงปลาดุก
4.ลูกปลาดุก 70-80 ตัว
ขั้นตอนที่ 2 การเลี้ยง
1.นำท่อปูนที่มีรอยคราบผักบุ้ง หรือบ่อปูนที่ไม่มีกรดไม่มีด่าง ใส่น้ำให้มีความสูง 10 เซนติเมตร (ช่วงปลาขนาดเล็ก เพิ่งนำมาปล่อย) แล้วเติมน้ำหมัก 1 ช้อนโต๊ะ
2.นำปลาดุกมาแช่น้ำในบ่อปูนทั้งถุง แล้วค่อยๆเปิดปากถุงให้ปลาว่ายออกมาเอง
3.วันแรกที่นำปลามาปล่อยไม่ต้องให้กินอาหาร
5.การให้อาหาร ปลา 1 ตัวให้อาหาร 5 เม็ด/เมื้อ ในช่วงปลาเล็กให้อาหารวันละ 2 เมื้อ เช้า-เย็น ปลาอายุ 1 เดือนครึ่งให้อาหารปลาขนาดกลาง โดยให้อาหารวันละ 1 ครั้ง ให้ปลากินตอนเย็น
ขั้นตอนที่ 3 การจำหน่าย
1.ก่อนจะจำหน่าย 2 วัน ให้นำดินลูกรังสีแดงหรือซังข้าวมาแช่ไว้ในบ่อ จะทำให้ปลาดุกมีสีเหลืองสวย ขายได้ราคาดี
2.ปลาดุก 3 เดือนครึ่ง จำนวน 70 ตัว จะมีน้ำหนัก 14-15 กิโลกรัม หรือประมาณ 4-5 ตัว/กิโลกรัม จำหน่ายได้กิโลกรัมละ 60-70 บาท
3.ต้นทุนอาหารกิโลกรัมละ 19-20 บาท หมายเหตุ ต้นทุนครั้งแรก 1 ชุด 430 บาท น้ำที่ถ่ายทิ้งจากบ่อปลาสามารถนำมารดต้นไม้ พืชผักสวนครัว เป็นปุ๋ยอย่างดี
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
นักเรียนมีความรู้เรื่องการเลี้ยงปลาดุก และสามารถนำไปต่อยอดความรู้ได้ด้วยตนเอง
21
0
7. การจัดทำปุ๋ยหมัก
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
เศษอาหารเป็นขยะหรือของเสียจากครัวเรือนและสถานประกอบการ ที่คนส่วนใหญ่ละเลยถึงคุณค่าไม่มีใครเหลียวแล และอยากที่จะทิ้งไปให้ไกลๆตัวโดยเร็ว เพราะเพียงแค่ทิ้งไว้ข้ามคืนมันก็จะส่งกลิ่นเหม็นรัญจวนใจได้ที่ทีเดียว การทิ้งเศษอาหารลงในถังขยะรวมกับขยะประเภทอื่นๆที่พอจะนำกลับไปรีไซเคิลได้ เช่น กระดาษ พลาสติก แก้ว หรือโลหะ จะเป็นการเร่งให้ภาวะโลกร้อนเป็นไปอย่างรุนแรงและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะแทนที่เราจะนำขยะดังกล่าวกลับมารีไซเคิลได้ง่ายๆ กลับต้องใช้แรงงาน เวลา พลังงาน และทรัพยากร ในการจัดการมากขึ้น และเจ้าขยะเศษอาหารก็บูดเน่าเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ อีกทั้งเร่งให้จุลินทรีย์กลุ่มเป็นโทษทำลายสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เกิดกลิ่นเหม็น แมลงวัน แมลงหวี่และหนูมากขึ้น เกิดภาวะน้ำเน่าเสีย เราน่าจะช่วยกันนำเศษอาหารมาทำน้ำหมักชีวภาพสำหรับใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันกัน ซึ่งมีวิธีการทำและใช้อุปกรณ์ที่หาได้ง่าย ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ดังนี้
ส่วนผสม1. ขยะเศษอาหาร หรือเปลือกผัก-ผลไม้ทุกชนิด3กก.
2. กากน้ำตาล1กก.
3. น้ำสะอาด10ลิตร
4. หัวเชื้อจุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์ ประมาณ 1/2แก้วน้ำ
วิธีทำ
นำขยะเศษอาหารใส่ในถังพลาสติก (ถ้าชิ้นใหญ่ ควรสับให้เล็กลง) ใส่กากน้ำตาลคลุกเคล้าให้ทั่ว
เติมหัวเชื้อจุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์ คนให้เข้ากันแล้วปิดฝาถังให้สนิท ยังไม่ต้องใส่น้ำ หมักไว้ 7 วัน จึงเปิดฝา
เติมน้ำ 10 ลิตร คนให้เข้ากัน แล้วหมักต่อไปนาน 15-30 วัน จึงนำน้ำหมักมาใช้ได้
ประโยชน์
-ใช้ราดลงในโถส้วม สัปดาห์ละ 1-2 แก้ว จะช่วยดับกลิ่นเหม็นในห้องน้ำ ห้องส้วม ทำให้ส้วมไม่เต็มเร็ว
-ใช้เทลงท่อระบายน้ำทิ้งเป็นประจำ จะช่วยขจัดคราบไขมันที่อุดตันท่อน้ำได้ดี
-ใช้เทลงในท่อระบายน้ำเป็นประจำ จะช่วยลดกลื่นเหม็นจากน้ำเน่า
-ใช้ลดกลิ่นเหม็นจากกองขยะ โดยผสมน้ำหมักชีวภาพอัตราส่วน 10 c.c.ต่อน้ำสะอาด 1 ลิตร ฉีดพ่น
ไปบนกองขยะเป็นประจำ
-ใช้ผสมน้ำรดต้นไม้ การใช้น้ำหมักฯกับต้นไม้ จะต้องหมักไว้นานอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อให้กากน้ำตาลสลายตัวจนสิ้นสุดกระบวนการไม่เช่นนั้นแล้วต้นพืชอาจได้รับพิษจากกากน้ำตาลที่ยังไม่สลายตัว การใช้น้ำหมักชีวภาพรดน้ำต้นไม้ ทำโดยผสมน้ำหมักชีวภาพ 1 c.c.ต่อน้ำสะอาด 1 ลิตร รดให้พืชหรือดินเป็นประจำ จะช่วยส่งเสริมให้พืชเจริญเติบโตแข็งแรง มีภูมิต้านทานสูง ใช้ทุกวันได้ แต่ห้ามใช้ในอัตราส่วนที่เข้มข้นกว่าที่แนะนำ เพราะน้ำหมักชีวภาพมีฮอร์โมนพืชบางตัว ถ้าใช้ในอัตราส่วนที่เข้มข้นเกินไป พืชจะแคระแกรนหรือตายได้
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
นักเรียนในโรงเรียน นักเรียนเครือข่าย ครู ผู้ปกครอง ทำปุ๋ยหมักชีวภาพได้
56
83
8. ไฮโดรโปนิก ครั้งที่ 2
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
การจัดกิจกรรม จัดอบรมให้ความรู้กับนักเรียนโรงเรียนบ้านยางาามและนักเรียนเครือข่าย
1.ในภาคเช้าเชิญนักเรียนเครือข่ายและนักเรียนโรงเรียนบ้านยางงามให้ความรู้เบื้องต้นเรื่องการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ภาคบ่ายครูนำนักเรียนไปศึกษาดูงานเรื่องการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ณ ฟาร์มไฮโดรโปนิกส์พวงชมพูเพื่อศึกษาวิธีการเพิ่มผลผลิตของการปลูก การดูแลรักษา โดยวิทยากรที่มีความรู้ในการปลูกผักไฮโดรโปนิค วิทยากรอธิบายวิธีการปลูกพืชไร้ดินแบบ Hydroponics ตามขั้นตอนดังนี้ 1.เตรียมฟองน้ำที่ใช้โดยการผ่าแบ่งให้เหมาะสมกับรางปลูก ใช้ มีดคัตเตอร์ กรีดฟองน้ำเป็นเครื่องหมายคูณ ความลึกของรอยประมาณ 2-3 มิลลิเมตร 2.ใส่เมล็ดลงไปในรอยกรีด ประมาณ 2-3 เมล็ด นำไปใส่ในกระบะเพาะ รดน้ำให้ชุ่มแต่ห้ามไม่ให้ระดับน้ำสูงเกินไปจนท่วมเมล็ดเพราะ เมล็ดจะไม่งอกและเน่าในที่สุด 3.นำผ้าขาวบางหรือผ้าที่ไม่หนามากนักมาคลุมที่กระบะเพาะ เพื่อเป็นการรักษาความชื้น ทิ้งไว้ 3-4 วัน แต่ต้องมีการเปิดดูทุกๆ วัน 4.เมื่อต้นกล้าที่เพาะไว้เริ่มจะแข็งแรงหรือมีอายุได้ประมาณ 5-7 วัน ให้เปิดผ้าออก แล้วนำต้นกล้าออกจากที่ร่มเพื่อมารับแสงแดด 2-3วัน ก็จะได้ต้นกล้าที่สามารถลงในรางปลูกได้ 5.ย้ายต้นกล้าลงในรางปลูก ให้ฟองน้ำ จมลงในในระดับน้ำเพียงครึ่งหนึ่งของทั้งหมดเพื่อให้รากของต้นพืชได้มีการเจริญเติมโต หาอาหารเองตามธรรมชาติ โดยมีสารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากตลอดเวลา 6.ให้ธาตุอาหารตามความเข้มข้นที่เหมาะสม ต่อความต้องการของพืชชนิดนั้น และตามที่ผลิตภัณฑ์สารอาหารนั้นกำหนด 7.หมั่นดูแลรักษาทุกวัน สังเกตความต้องการสารอาหารของต้นพืชจากสีของลำต้นและสีของใบ ตามแต่ลักษณะของพืชชนิดนั้นๆ
8.ครูให้นักเรียนปลูกพืชไร้ดินแบบ Hydroponics 9.นักเรียนดูแลรักษาพืชผักที่ปลูก 10.นักเรียนเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ได้จากการปลูก นำส่งโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนและเสริมสร้างรายได้แก่นักเรียนและจำหน่ายไปยังตลาดนัดนักเรียน
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
นักเรียนในโรงเรียนบ้านยางามและนักเรียนเครือข่ายได้รับความรู้เรื่องการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกร้อยละ100
88
85
9. อบรมเชื้อราไตรโคเดอมาร์
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
จัดอบรมให้ความรู้เรื่องการทำเชื้อราไตรโคเดอมาร์ให้แก่ นักเรียนเครือข่าย นักเรียนในโรงเรียน ครู ผู้ปกครองในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560
เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าเป็นเชื้อราชั้นสูง มีประโยชน์ช่วยลดกิจกรรมของเชื้อโรคพืช ลดประมาณเชื้อโรคพืช ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตและเพิ่มผลผลิตพืช นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความต้านทานโรคของพืช
การผลิตขยายเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าชนิดสดมีวิธีการดังนี้
-ใช้ปลายข้าว 3 ส่วน น้ำสะอาด 2 ส่วน โดยหุงด้วยหม้อหุงข้าว
-ตักข้าวสุกขณะยังร้อนใส่ถุงพลาสติก ขนาด 250 กรัม/ถุง แล้วกดข้าวให้เป็นแผ่นแบนและรีดอากาศออกแล้วพับปากถุง
-ใส่หัวเชื้อขณะข้าวยังอุ่นอยู่ โดยเขย่า 4-5 ครั้ง แล้วรัดปากถุงให้แน่นพร้อมขยำข้าวในถุงเบาๆ เพื่อให้ผงเชื้อกระจายคลุกกับข้าวให้ทั่ว
-รวบปากถุงและใช้เข็มแทงรอบๆ ถุงแล้วกดข้าวในถุงให้แน่นแบบแผ่กระจายแบนราบ แล้วดึงถุงเพื่อให้อากาศเข้าไปในถุง
-นำถุงไปวางในที่มีแสงธรรมชาติอย่างน้อย 10-12 ช.ม./วัน เมื่อได้ 2 วันให้ขยำข้าวในถุงเบาๆ แล้วกดให้ข้าวแบนราบเช่นเดิม แล้วดึงถุงพลาสติกให้โป่งขึ้นด้วย และบ่มเชื้อต่ออีก 4-5 วัน ก็จะปรากฏเชื้อสีเขียวขึ้นหนาแน่นซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทันที หรือเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อไว้ใช้ต่อไปได้
วิธีใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่า
-ใช้ผสมกับปุ๋ยหมัก โดยใช้หัวเชื้อ 1 ก.ก. ต่อ รำละเอียด 4 ก.ก. ต่อปุ๋ยหมัก 100 ก.ก.
-ใช้เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าผสมกับน้ำฉีดพ่นส่วนต่างๆของพืชเพื่อป้องกันโรคต่างๆ ในอัตราเชื้อรา 1 ก.ก.ผสมน้ำ 200 ลิตร
ข้อดีของการขยายเชื้อราไตรโคเดอร์ม่าชนิดสดใช้เอง
-ช่วยลดต้นทุนการผลิตและลดการใช้สารเคมี
-เป็นการกำจัดโรคพืชโดยไม่ทำลายระบบนิเวศน์
-เป็นการทำการเกษตรแบบพอเพียงเพราะเกษตรกรสามารถผลิตใช้ได้เองอย่างต่อเนื่อง
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
นักเรียนเครือข่าย นักเรียนในโรงเรียนบ้านยางงาม ครู ผู้ปกครองและชุมชนใกล้เคียงได้รับความรู้ สามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้ร้อยละ 100
105
105
10. การเพาะเห็ดครั้งที่ 2
วันที่ 9 มีนาคม 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
การเพาะเห็ดในถุงพลาสติก
เห็ดที่นิยมเพาะในถุงพลาสติกส่วนมาก ได้แก่ เห็ดสกุลนางรม(เช่น นางฟ้า นางรม ภูฏาน เป๋าฮื้อ นางนวล ฮังการี) เห็ดหูหนู เห็ดหอมเห็ดตีนแรด เห็ดหลินจือ เห็ดขอนขาว เห็ดกระด้าง เห็ดยานางิ เป็นต้น เห็ดเหล่านี้สามารถเพาะได้บนวัสดุหลายชนิด โดยเฉพาะขี้เลื่อย หรือใช้อาหารหมักจากฟาง
วัสดุและอุปกรณ์
1. อาหารเพาะ
2. หัวเชื้อเห็ด
3. ถุงพลาสติกทนร้อน ขนาด 7 x 11 นิ้ว หรือ 9 x 13
4. คอพลาสติก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 – 1.5 นิ้ว
5. ฝ้าย หรือสำลี ยางรัด
6. หม้อนึ่งไม่อัดความดัน หรือหม้อนึ่งความดัน
7. โรงเรือนหรือสถานที่ บ่มเส้นใย และเปิดดอก
วิธีการเพาะ
1. บรรจุอาหารเพาะลงในถุงพลาสติกทนร้อน กดให้แน่นตึง สูงประมาณ 2/3 ของถุง
2. รวบปากถุงบีบอากาศออกสวมคอพลาสติกหรือไม้ไผ่ แล้วพับปากถุงพาดลงมา รัดยางให้แน่น อุดด้วยสำลี หุ้ม ทับด้วยกระดาษหรือ ฝาครอบพลาสติก
3. นำไปนึ่งฆ่าเชื้อด้วยถังนึ่งไม่อัดความดัน หรือใช้หม้อนึ่งความดันอุณหภูมิ 90 – 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ทิ้งไว้ให้ถุงเย็น
4. นำถุงวัสดุออกมาใส่เชื้อจากหัวเชื้อเห็ดที่เลี้ยงในเมล็ดข้าวฟ่าง ถุงละ ประมาณ 10 – 15 เมล็ด ก็เพียงพอ (โดยเขย่าเมล็ดข้าวฟ่างให้กระจายออก) เปิดและปิดจุกสำลีโดยเร็ว โดยปฏิบัติในที่สะอาดมิดชิดไม่มีลมโกรก
5. นำไปวางในที่สำหรับบ่มเส้นใย มีอุณหภูมิตามที่เห็ดแต่ละชนิดต้องการ ไม่จำเป็นต้องมีแสง ไม่ต้องให้น้ำที่ก้อนเชื้อจนเส้นใยเห็ดเริ่มรวมตัวกันเพื่อเจริญเป็นดอกเห็ด นำไปเปิดถุงให้ออกดอกต่อไป
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
นักเรียนเพาะเห็ดได้ร้อยละ 100
14
0
11. ประชาสัมพันธ์แผล่งเรียนรู้ครั้งที่ 2
วันที่ 3 เมษายน 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
จัดนิทรรศการแหล่งเรียนโครงการเด็กไทยแก้มใสให้แก่นักเรียนเครือข่าย นักเรียนในโรงเรียน ครูและบุคลากรในโรงเรียนตลอดจนผู้ปกครอง ชุมชนใกล้เคียง
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
นักเรียน ครูและบุคลากรในโรงเรียนได้รับความรู้ร้อยละ 100
168
168
12. คืนดอกเบี้ย เพื่อปิดโครงการ
วันที่ 3 เมษายน 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
คืนดอกเบี้ย เพื่อปิดโครงการ
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
คืนดอกเบี้ย เพื่อปิดโครงการ
0
0
13. ถอนเงินเปิดบัญชี
วันที่ 3 เมษายน 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
ถอนเงินเปิดบัญชี
0
0
* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น
ส่วนที่ 2 ประเมินความพึงพอใจต่อความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการในภาพรวม
ผลการดำเนินโครงการ
สรุปผลการดำเนินโครงการ
ผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรม:
ผลผลิตโครงการ
วัตถุประสงค์ สถานการณ์ เป้าหมาย ผลผลิต อธิบาย
1
เพื่อให้นักเรียนมีภาวะโภชนาการที่ดี มีสุขนิสัยที่พึงประสงค์ มีสมรรถภาพทางกายเหมาะสมตามวัย
ตัวชี้วัด : นักเรียนมีการเจริญเติบโตสมวัย ร้อยละ 90
นักเรียนมีสุขนิสัยที่พึงประสงค์ร้อยละ 90
นักเรียนมีสมรรถภาพทางกายผ่านเกณฑ์ร้อยละ 90
2
เพื่อให้นักเรียนมีความรู้และทักษะเกี่ยวกับการเกษตรและการดำเนินกิจการสหกรณ์ สามารถนำไปใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันได้
ตัวชี้วัด : มีผลผลิตทางการเกษตร ้ช่น ผัก ปลาดุก เห็นนางฟ้า สนับสสนุนโครงการอาหารกลางวันอย่างต่อเนื่อง
นักเรียนได้กินผักผลไม้มื้อกลางวันเฉลี่ยนวันละ 40-100กรัม/มื้อ/คน
นักเรัยนทุกคนมีความรู้ ทักษะในการปลูกผักเพาะเห็นนางฟ้า เลี้ยงปลาดุก การปลูกผลไม้
นักเรียนร้อยละ 80 มีความรู้ทักษะกระบวนการสหกรณ์นักเรียน
3
เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนการพัฒนาโรงเรียนตามแนวทางการดำเนินงานความสำเร็จของการบริหารจัดการอาหารและโภชนาการในโรงเรียนอย่างครบวงจรของโครงการพระราชดำริฯ”สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ตัวชี้วัด : ผู้ปกครองนักเรียนมีส่วนร่วมในโครงการร้อยละ 80
หน่วยงานองค์กรณ์ต่าง ๆ ในชุมชนทุกหน่วย ให้การสนับสนุนช่วยเหลือในการพัฒนานักเรียน ครู ผู้ปกครองและแม่ครัว
ผู้เข้าร่วมโครงการ
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้(คน) จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด
กลุ่มเป้าหมาย จำนวนที่วางไว้(คน) จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
บทคัดย่อ*
ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ
ปัญหาและอุปสรรค สาเหตุ ข้อเสนอแนะ
ส่วนที่ 3 ประเมินคุณค่าโครงการ
โรงเรียนบ้านยางงาม จังหวัด สงขลา
รหัสโครงการ ศรร.1412-114
ได้ดำเนินกิจกรรมตามที่เสนอไว้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
................................
( นายอาจินต์ สุขศรีสังข์ )
ผู้รับผิดชอบโครงการ
......./............/.......
โรงเรียนบ้านยางงาม
“ โรงเรียนบ้านยางงาม ”
หมู่ที่ 10 ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลาหัวหน้าโครงการ
นายอาจินต์ สุขศรีสังข์
ชื่อโครงการ โรงเรียนบ้านยางงาม
ที่อยู่ หมู่ที่ 10 ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา จังหวัด สงขลา
รหัสโครงการ ศรร.1412-114 เลขที่ข้อตกลง 58-00-2265-ต.3
ระยะเวลาดำเนินงาน ตั้งแต่ 2 พฤษภาคม 2559 ถึง 30 เมษายน 2560
กิตติกรรมประกาศ
"โรงเรียนบ้านยางงาม จังหวัดสงขลา" สำเร็จได้ด้วยดี ด้วยความร่วมมือจาก สมาชิกในชุมชน หมู่ที่ 10 ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา
คณะทำงานโครงการฯ ขอขอบคุณ โรงเรียนบ้านยางงาม ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้ง ภาคีเครือข่ายที่สำคัญระดับพื้นที่ ที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือ ชี้แนะ สุดท้ายขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องที่มิได้ระบุชื่อไว้ในที่นี้ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้มีความยั่งยืนในพื้นที่ต่อไป
คณะทำงานโครงการ
โรงเรียนบ้านยางงาม
บทคัดย่อ
โครงการ " โรงเรียนบ้านยางงาม " ดำเนินการในพื้นที่ หมู่ที่ 10 ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา รหัสโครงการ ศรร.1412-114 ระยะเวลาการดำเนินงาน 2 พฤษภาคม 2559 - 30 เมษายน 2560 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 100,000.00 บาท จาก โรงเรียนบ้านยางงาม เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมโครงการ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นสมาชิกในชุมชนจำนวน 144 คน หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปรากฏดังนี้
โครงการนี้ยังไม่มีการเขียนหรือแก้ไขบทคัดย่อ
หมายเหตุ : รายละเอียดของบทสรุปคัดย่อการดำเนินงาน ให้ผู้รับผิดชอบโครงการเป็นผู้เขียนสรุปภาพรวมของโครงการใน "ผลลัพธ์โครงการ"
สารบัญ
กิตติกรรมประกาศ | |
บทคัดย่อ | |
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล | |
วัตถุประสงค์โครงการ | |
กิจกรรม/การดำเนินงาน | |
กลุ่มเป้าหมาย | |
ผลลัพธ์ที่ได้ | |
การประเมินผล | |
ปัญหาและอุปสรรค | |
ข้อเสนอแนะ | |
เอกสารประกอบอื่นๆ |
ความเป็นมา/หลักการเหตุผล
โครงการเด็กไทยแก้มใสถวายเจ้าฟ้านักโภชนาการ เกิดจากความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับหน่วยงานภาคี ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร และ กระทรวงมหาดไทย ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนโรงเรียนในการน้อมนำแนวทางการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จ การบริหารจัดการอาหารและโภชนาการในโรงเรียนอย่างครบวงจรของโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีไปปฏิบัติในการพัฒนาด้านเกษตร อาหาร โภชนาการและสุขภาพเด็กในโรงเรียน โดยน้อมนำกรอบแนวคิดและองค์ประกอบของการพัฒนาจากบทเรียนโรงเรียนในโครงการพระราชดำริใน ๘ องค์ประกอบคือ
๑. การเกษตรในโรงเรียน
๒. สหกรณ์นักเรียน
๓. การจัดการบริหารของโรงเรียน
๔. การติดตามภาวะโภชนาการ
๕. การพัฒนาสุขนิสัยของนักเรียน
๖. การพัฒนาอนามัยสิ่งแวดล้อมของโรงเรียนให้ถูกสุขลักษณะ
๗. การจัดบริการสุขภาพ
๘. การจัดการเรียนรู้ : เกษตร โภชนาการ และสุขภาพอนามัย
โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เด็กนักเรียนเกิดคุณลักษณะสำคัญใน ๔ ประการตามแนวพระราชดำริ คือ มีพุทธศึกษา จริยศึกษา หัตถศึกษาและ จริยศึกษา มีภาวะโภชนาการดี สุขภาพแข็งแรง ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาทักษะที่จำเป็นและคุณลักษณะที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะ และคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งเป็นการพัฒนาที่มีเด็กเป็นศูนย์กลาง โดยเน้นให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติจริงด้วยตนเอง (Learning by doing) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ พัฒนาทักษะและคุณลักษณะที่เหมาะสม สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตจริงและพึ่งตนเองได้ โดยโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องมีการบริหารจัดการแผนงานอย่างเหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการ บริบทของชุมชน และวัฒนธรรมประเพณี ซึ่งโครงการเด็กไทยแก้มใสถวายเจ้าฟ้านักโภชนาการในปีที่ ๑ (พ.ศ.๒๕๕๗-๒๕๕๘) มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น ๕๔๔ โรงเรียนจากทั่วประเทศ
สถานการณ์ภาวะทุพโภชนาการของประเทศไทยจากรายงานการเฝ้าระวังภาวะโภชนาการนักเรียนอายุ ๖-๑๒ ปี จำนวน ๑,๔๙๒,๐๘๖ คน ใน ๗๖ จังหวัด ของกรมอนามัย ปี ๒๕๕๕ พบว่านักเรียนมีภาวะอ้วน ร้อยละ ๑๒.๕ เตี้ยร้อยละ๑๖.๘ และระบุว่านักเรียนอายุ ๖-๑๒ ปี ที่มีส่วนสูงระดับดีและรูปร่างสมส่วน มีเพียง ร้อยละ ๕๑.๖ ซึ่งสอดคล้องกับการสำรวจข้อมูลพื้นฐานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปี ๒๕๔๔พบว่า เด็กไทยสัดส่วนไม่ได้มาตรฐาน จำนวน ๑.๒ ล้านคน จำแนกเป็นน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ จำนวน ๒๒๓,๒๘๘ คน น้ำหนักสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานจำนวน ๕๙๐,๐๘๗ คน และส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน จำนวน๒๕๘,๑๔๙ คนซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระดับสติปัญญาและคุณภาพชีวิตของเด็กไทยหนึ่งในสาเหตุสำคัญคือ๑) การพฤติกรรมการบริโภคไม่เหมาะสมตามวัย โดยเฉพาะการบริโภคผักน้อยกว่าปริมาณที่แนะนำ คือเฉลี่ยวันละ ๖๐ กรัม (ปริมาณที่แนะนำวันละ ๔๐๐ กรัม) กินขนมกรุบกรอบและเครื่องดื่มรสหวานจัดเกือบทุกวันหรือทุกวันสูงถึงร้อยละ ๖๗.๔ นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กไทยในช่วงวัยประถมศึกษาจะได้รับน้ำตาลจากเครื่องดื่มเฉลี่ย ๕-๗ ช้อนชา/วัน และน้ำตาลจากขนมกรุบกรอบเฉลี่ย ๓ ช้อนชา/วันซึ่งปริมาณรวมในการบริโภคน้ำตาลของเด็กมากถึง ๑๐ ช้อนชา และ ๒) สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อสุขภาพผลกระทบของการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอจะส่งผลให้เด็กมีการเจริญเติบโตและพัฒนาร่างกายและสติปัญญาที่ช้าไม่เป็นไปตามศักยภาพที่ควรจะเป็น จากสถานการณ์ดังกล่าว โรงเรียนบ้านยางงามจึงได้เข้าร่วมโครงการเด็กไทยแก้มใสถวายเจ้าฟ้านักโภชนาการ ปีที่ ๑ เพื่อน้อมนำแนวทางการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จ จากการบริหารจัดการอาหารและโภชนาการในโรงเรียนอย่างครบวงจรของโครงการตามพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีมาปฏิบัติในการพัฒนาโรงเรียน เพื่อให้เด็กนักเรียน มีภาวะโภชนาการดี สุขภาพแข็งแรง ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาทักษะที่จำเป็นและคุณลักษณะที่เอื้อต่อการมีสุขภาวะ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นซึ่งในปีที่ ๑ ได้ดำเนินการดังต่อไปนี้ (สรุปผลการดำเนินงาน ของโครงการฯ ปีที่ ๑ พร้อมสถานการณ์ด้านอาหารและโภชนาการของเด็กนักเรียน ก่อน-หลัง เข้าร่วมโครงการ และกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จที่เห็นผลผลิต ผลลัพธ์ หรือนวัตกรรม อย่างเป็นรูปธรรม ตามข้อมูลในใบสมัครส่วนที่ ๓) จากสถานการณ์ภาวะทุพโภชนาการของนักเรียนโรงเรียนบ้านยางงาม ปี ๒๕๕๗ พบว่านักเรียนมีภาวะโภชนาการ ดังนี้ อ้วนร้อยละ ๑๕.๙๐ผอมร้อยละ ๑๔.๔๐สมส่วน ร้อยละ ๖๙.๗๐ปี ๒๕๕๘ อ้วนร้อยละ ๑๐.๖๕ผอมร้อยละ ๑๐.๖๓สมส่วน ร้อยละ ๗๘.๗๒ จากการดำเนินการเด็กไทยแก้มใส ชุมนุมส่งเสริมสุขภาพ โครงการอาหารกลางวัน อาหารเสริมนมทำให้ภาวะโภชนาการของนักเรียนดีขึ้น เด็กอ้วนน้อยลง -๕.๒๕ เด็กผอมน้อยลง -๓.๗๗ เด็กสมส่วนมากขึ้น ๘.๘๒โดยภาพรวม โรงเรียนบ้านยางงามได้แก้ปัญหา จนบรรลุตามเป้าหมายของโครงการแล้วโดยใช้โครงการเด็กไทยแก้มใส ซึ่งโรงเรียนได้มีกิจกรรมต่างๆ เช่น การเพาะเห็ด การเลี้ยงปลาดุก การปลูกผลไม้ การปลูกผักปลอดสารพิษ การปลูกพืชไร้ดิน Hydroponics การทำปุ๋ยหมักจุลินทรีย์แห้งและน้ำ โดยมีชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม
สถานการณ์
วัตถุประสงค์โครงการ
- เพื่อให้นักเรียนมีภาวะโภชนาการที่ดี มีสุขนิสัยที่พึงประสงค์ มีสมรรถภาพทางกายเหมาะสมตามวัย
- เพื่อให้นักเรียนมีความรู้และทักษะเกี่ยวกับการเกษตรและการดำเนินกิจการสหกรณ์ สามารถนำไปใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันได้
- เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนการพัฒนาโรงเรียนตามแนวทางการดำเนินงานความสำเร็จของการบริหารจัดการอาหารและโภชนาการในโรงเรียนอย่างครบวงจรของโครงการพระราชดำริฯ”สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
กิจกรรม/การดำเนินงาน
กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้ |
---|
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
- เด็กนักเรียนมีสุขภาพและพัฒนาการด้านร่างกายเติบโตสมวัย มีอารมณ์และสติปัญญาที่ดีขึ้น รวมทั้งมีทักษะเพื่อการดำรงชีวิตที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตจริง
- โรงเรียนมีรูปแบบลดปัญหาโภชนาการและสุขภาพของเด็กนักเรียนลงได้ มีความรู้และแนวทางในการจัดการเพื่อส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการของเด็กนักเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ
- พ่อแม่ผู้ปกครองและคนในชุมชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการพัฒนาเด็กนักเรียนในด้านต่างๆ ช่วยสร้างเสริมความอบอุ่นและความเข้มแข็งให้กับครอบครัวและชุมชน ตลอดจนเกิดความยั่งยืนในการดำเนินงาน
- ชุมชนมีความตระหนักรู้และตื่นตัวในการจัดการด้านอาหาร โภชนาการ และสุขภาพของเด็กนักเรียน
ส่วนที่ 1 ผลการดำเนินงาน
วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ผลลัพธ์และตัวชี้วัดผลลัพธ์** กิจกรรมของโครงการ | ผลผลิต* | |
---|---|---|
ผลผลิตที่ตั้งไว้ | ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง | |
1. การปลูกผักปลอดสารพิษ |
||
วันที่ 6 มิถุนายน 2559 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำการจัดกิจกรรม
1.การให้ความรู้
1. ครูนำเสนอความหมายของ การปลูกพืชผักสวนครัว หน้ากระดาน
2.แบ่งกลุ่มนักเรียนตามความสมัครใจ กลุ่มละ 5 – 6 คน ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนักเรียนนำผลผลิตขายผ่านสหกรณ์ให้กับโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียน/นักเรียนมีความรู้ ทักษะในการปลูกผักปลอดสารพิษร้อยละ 100
|
44 | 44 |
2. การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ |
||
วันที่ 20 มิถุนายน 2559 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำการจัดกิจกรรม
1.ครูอธิบายการปลูกพืชไร้ดินและเชิญวิทยากรที่มีความรู้ในการปลูกผักไฮโดรโปนิค
วิทยากรอธิบายวิธีการปลูกพืชไร้ดินแบบ Hydroponics ตามขั้นตอนดังนี้
1.เตรียมฟองน้ำที่ใช้โดยการผ่าแบ่งให้เหมาะสมกับรางปลูก ใช้ มีดคัตเตอร์ กรีดฟองน้ำเป็นเครื่องหมายคูณ ความลึกของรอยประมาณ 2-3 มิลลิเมตร
2.ใส่เมล็ดลงไปในรอยกรีด ประมาณ 2-3 เมล็ด นำไปใส่ในกระบะเพาะ รดน้ำให้ชุ่มแต่ห้ามไม่ให้ระดับน้ำสูงเกินไปจนท่วมเมล็ดเพราะ เมล็ดจะไม่งอกและเน่าในที่สุด
3.นำผ้าขาวบางหรือผ้าที่ไม่หนามากนักมาคลุมที่กระบะเพาะ เพื่อเป็นการรักษาความชื้น ทิ้งไว้ 3-4 วัน แต่ต้องมีการเปิดดูทุกๆ วัน
4.เมื่อต้นกล้าที่เพาะไว้เริ่มจะแข็งแรงหรือมีอายุได้ประมาณ 5-7 วัน ให้เปิดผ้าออก แล้วนำต้นกล้าออกจากที่ร่มเพื่อมารับแสงแดด 2-3วัน ก็จะได้ต้นกล้าที่สามารถลงในรางปลูกได้
5.ย้ายต้นกล้าลงในรางปลูก ให้ฟองน้ำ จมลงในในระดับน้ำเพียงครึ่งหนึ่งของทั้งหมดเพื่อให้รากของต้นพืชได้มีการเจริญเติมโต หาอาหารเองตามธรรมชาติ โดยมีสารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากตลอดเวลา
6.ให้ธาตุอาหารตามความเข้มข้นที่เหมาะสม ต่อความต้องการของพืชชนิดนั้น และตามที่ผลิตภัณฑ์สารอาหารนั้นกำหนด
7.หมั่นดูแลรักษาทุกวัน สังเกตความต้องการสารอาหารของต้นพืชจากสีของลำต้นและสีของใบ ตามแต่ลักษณะของพืชชนิดนั้นๆ ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนักเรียนนำผลผลิตขายผ่านสหกรณ์ให้กับโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียน/นักเรียนมีความรู้ ทักษะในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
|
20 | 21 |
3. ค่ายเยาวชนสิ่งแวดล้อม |
||
วันที่ 5 กันยายน 2559 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำกำหนดการประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการโรงเรียนปลอดขยะ (Zero Waste School) วันที่ 20 กันยายน 2559 เวลา 08.30 – 16.30 น. ณ. โรงเรียนบ้านยางงาม อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา เวลา 08.00 – 09.00 น. ลงทะเบียน
09.00 –09.30 น. พิธีเปิด การประชุมเชิงปฏิบัติการโครงการโรงเรียนปลอดขยะ
(Zero Waste School) และมอบเกียรติบัตรให้กับแกนนำนักเรียน ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมและมีจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อม
|
71 | 71 |
4. ประชาสัมพันธ์แหล่งเรียนรู้ |
||
วันที่ 10 ตุลาคม 2559 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำจัดทำป้ายจุดประชาสัมพันธ์แหล่งเรียนรู้ดังนี้ 1.ขั้นตอนการปลูกผักปลอดสารพิษ 2.การปลูกผักไฮโดรโปนิค 3.การกำจัดยุงลาย 4.การลด ละ เลิกใช้โฟม ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนักเรียนได้รับความรู้โดยศึกษษข้อมูลจากป้ายประชาสัมพันธ์ที่จัดขึ้นในโรงเรียน
|
146 | 146 |
5. ปลูกผักและผลไม้ปลอดสารพิษ |
||
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ- ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนักเรียนโรงเรียนบ้านยางงามสามารถปลูกผักและผลไม่ปลอดสารพิษร้อยละ 100
|
72 | 72 |
6. การเลี้ยงปลาดุก ครั้งที่ 2 |
||
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำขั้นตอนที่ 1 การเตรียมอุปกรณ์ 1.บ่อปูนซีเมนต์ 2.ปูน ทราย หิน 3.อาหารสำหรับเลี้ยงปลาดุก 4.ลูกปลาดุก 70-80 ตัว ขั้นตอนที่ 2 การเลี้ยง 1.นำท่อปูนที่มีรอยคราบผักบุ้ง หรือบ่อปูนที่ไม่มีกรดไม่มีด่าง ใส่น้ำให้มีความสูง 10 เซนติเมตร (ช่วงปลาขนาดเล็ก เพิ่งนำมาปล่อย) แล้วเติมน้ำหมัก 1 ช้อนโต๊ะ 2.นำปลาดุกมาแช่น้ำในบ่อปูนทั้งถุง แล้วค่อยๆเปิดปากถุงให้ปลาว่ายออกมาเอง 3.วันแรกที่นำปลามาปล่อยไม่ต้องให้กินอาหาร 5.การให้อาหาร ปลา 1 ตัวให้อาหาร 5 เม็ด/เมื้อ ในช่วงปลาเล็กให้อาหารวันละ 2 เมื้อ เช้า-เย็น ปลาอายุ 1 เดือนครึ่งให้อาหารปลาขนาดกลาง โดยให้อาหารวันละ 1 ครั้ง ให้ปลากินตอนเย็น ขั้นตอนที่ 3 การจำหน่าย 1.ก่อนจะจำหน่าย 2 วัน ให้นำดินลูกรังสีแดงหรือซังข้าวมาแช่ไว้ในบ่อ จะทำให้ปลาดุกมีสีเหลืองสวย ขายได้ราคาดี 2.ปลาดุก 3 เดือนครึ่ง จำนวน 70 ตัว จะมีน้ำหนัก 14-15 กิโลกรัม หรือประมาณ 4-5 ตัว/กิโลกรัม จำหน่ายได้กิโลกรัมละ 60-70 บาท 3.ต้นทุนอาหารกิโลกรัมละ 19-20 บาท หมายเหตุ ต้นทุนครั้งแรก 1 ชุด 430 บาท น้ำที่ถ่ายทิ้งจากบ่อปลาสามารถนำมารดต้นไม้ พืชผักสวนครัว เป็นปุ๋ยอย่างดี ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนักเรียนมีความรู้เรื่องการเลี้ยงปลาดุก และสามารถนำไปต่อยอดความรู้ได้ด้วยตนเอง
|
21 | 0 |
7. การจัดทำปุ๋ยหมัก |
||
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำเศษอาหารเป็นขยะหรือของเสียจากครัวเรือนและสถานประกอบการ ที่คนส่วนใหญ่ละเลยถึงคุณค่าไม่มีใครเหลียวแล และอยากที่จะทิ้งไปให้ไกลๆตัวโดยเร็ว เพราะเพียงแค่ทิ้งไว้ข้ามคืนมันก็จะส่งกลิ่นเหม็นรัญจวนใจได้ที่ทีเดียว การทิ้งเศษอาหารลงในถังขยะรวมกับขยะประเภทอื่นๆที่พอจะนำกลับไปรีไซเคิลได้ เช่น กระดาษ พลาสติก แก้ว หรือโลหะ จะเป็นการเร่งให้ภาวะโลกร้อนเป็นไปอย่างรุนแรงและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะแทนที่เราจะนำขยะดังกล่าวกลับมารีไซเคิลได้ง่ายๆ กลับต้องใช้แรงงาน เวลา พลังงาน และทรัพยากร ในการจัดการมากขึ้น และเจ้าขยะเศษอาหารก็บูดเน่าเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ อีกทั้งเร่งให้จุลินทรีย์กลุ่มเป็นโทษทำลายสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เกิดกลิ่นเหม็น แมลงวัน แมลงหวี่และหนูมากขึ้น เกิดภาวะน้ำเน่าเสีย เราน่าจะช่วยกันนำเศษอาหารมาทำน้ำหมักชีวภาพสำหรับใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันกัน ซึ่งมีวิธีการทำและใช้อุปกรณ์ที่หาได้ง่าย ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ดังนี้
วิธีทำ ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนักเรียนในโรงเรียน นักเรียนเครือข่าย ครู ผู้ปกครอง ทำปุ๋ยหมักชีวภาพได้
|
56 | 83 |
8. ไฮโดรโปนิก ครั้งที่ 2 |
||
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำการจัดกิจกรรม จัดอบรมให้ความรู้กับนักเรียนโรงเรียนบ้านยางาามและนักเรียนเครือข่าย 1.ในภาคเช้าเชิญนักเรียนเครือข่ายและนักเรียนโรงเรียนบ้านยางงามให้ความรู้เบื้องต้นเรื่องการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ภาคบ่ายครูนำนักเรียนไปศึกษาดูงานเรื่องการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ณ ฟาร์มไฮโดรโปนิกส์พวงชมพูเพื่อศึกษาวิธีการเพิ่มผลผลิตของการปลูก การดูแลรักษา โดยวิทยากรที่มีความรู้ในการปลูกผักไฮโดรโปนิค วิทยากรอธิบายวิธีการปลูกพืชไร้ดินแบบ Hydroponics ตามขั้นตอนดังนี้ 1.เตรียมฟองน้ำที่ใช้โดยการผ่าแบ่งให้เหมาะสมกับรางปลูก ใช้ มีดคัตเตอร์ กรีดฟองน้ำเป็นเครื่องหมายคูณ ความลึกของรอยประมาณ 2-3 มิลลิเมตร 2.ใส่เมล็ดลงไปในรอยกรีด ประมาณ 2-3 เมล็ด นำไปใส่ในกระบะเพาะ รดน้ำให้ชุ่มแต่ห้ามไม่ให้ระดับน้ำสูงเกินไปจนท่วมเมล็ดเพราะ เมล็ดจะไม่งอกและเน่าในที่สุด 3.นำผ้าขาวบางหรือผ้าที่ไม่หนามากนักมาคลุมที่กระบะเพาะ เพื่อเป็นการรักษาความชื้น ทิ้งไว้ 3-4 วัน แต่ต้องมีการเปิดดูทุกๆ วัน 4.เมื่อต้นกล้าที่เพาะไว้เริ่มจะแข็งแรงหรือมีอายุได้ประมาณ 5-7 วัน ให้เปิดผ้าออก แล้วนำต้นกล้าออกจากที่ร่มเพื่อมารับแสงแดด 2-3วัน ก็จะได้ต้นกล้าที่สามารถลงในรางปลูกได้ 5.ย้ายต้นกล้าลงในรางปลูก ให้ฟองน้ำ จมลงในในระดับน้ำเพียงครึ่งหนึ่งของทั้งหมดเพื่อให้รากของต้นพืชได้มีการเจริญเติมโต หาอาหารเองตามธรรมชาติ โดยมีสารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากตลอดเวลา 6.ให้ธาตุอาหารตามความเข้มข้นที่เหมาะสม ต่อความต้องการของพืชชนิดนั้น และตามที่ผลิตภัณฑ์สารอาหารนั้นกำหนด 7.หมั่นดูแลรักษาทุกวัน สังเกตความต้องการสารอาหารของต้นพืชจากสีของลำต้นและสีของใบ ตามแต่ลักษณะของพืชชนิดนั้นๆ 8.ครูให้นักเรียนปลูกพืชไร้ดินแบบ Hydroponics 9.นักเรียนดูแลรักษาพืชผักที่ปลูก 10.นักเรียนเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ได้จากการปลูก นำส่งโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนและเสริมสร้างรายได้แก่นักเรียนและจำหน่ายไปยังตลาดนัดนักเรียน ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนักเรียนในโรงเรียนบ้านยางามและนักเรียนเครือข่ายได้รับความรู้เรื่องการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกร้อยละ100
|
88 | 85 |
9. อบรมเชื้อราไตรโคเดอมาร์ |
||
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำจัดอบรมให้ความรู้เรื่องการทำเชื้อราไตรโคเดอมาร์ให้แก่ นักเรียนเครือข่าย นักเรียนในโรงเรียน ครู ผู้ปกครองในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560
เชื้อราไตรโคเดอร์ม่าเป็นเชื้อราชั้นสูง มีประโยชน์ช่วยลดกิจกรรมของเชื้อโรคพืช ลดประมาณเชื้อโรคพืช ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตและเพิ่มผลผลิตพืช นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความต้านทานโรคของพืช ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนักเรียนเครือข่าย นักเรียนในโรงเรียนบ้านยางงาม ครู ผู้ปกครองและชุมชนใกล้เคียงได้รับความรู้ สามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้ร้อยละ 100
|
105 | 105 |
10. การเพาะเห็ดครั้งที่ 2 |
||
วันที่ 9 มีนาคม 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำการเพาะเห็ดในถุงพลาสติก เห็ดที่นิยมเพาะในถุงพลาสติกส่วนมาก ได้แก่ เห็ดสกุลนางรม(เช่น นางฟ้า นางรม ภูฏาน เป๋าฮื้อ นางนวล ฮังการี) เห็ดหูหนู เห็ดหอมเห็ดตีนแรด เห็ดหลินจือ เห็ดขอนขาว เห็ดกระด้าง เห็ดยานางิ เป็นต้น เห็ดเหล่านี้สามารถเพาะได้บนวัสดุหลายชนิด โดยเฉพาะขี้เลื่อย หรือใช้อาหารหมักจากฟาง วัสดุและอุปกรณ์ 1. อาหารเพาะ 2. หัวเชื้อเห็ด 3. ถุงพลาสติกทนร้อน ขนาด 7 x 11 นิ้ว หรือ 9 x 13 4. คอพลาสติก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 – 1.5 นิ้ว 5. ฝ้าย หรือสำลี ยางรัด 6. หม้อนึ่งไม่อัดความดัน หรือหม้อนึ่งความดัน 7. โรงเรือนหรือสถานที่ บ่มเส้นใย และเปิดดอก วิธีการเพาะ 1. บรรจุอาหารเพาะลงในถุงพลาสติกทนร้อน กดให้แน่นตึง สูงประมาณ 2/3 ของถุง 2. รวบปากถุงบีบอากาศออกสวมคอพลาสติกหรือไม้ไผ่ แล้วพับปากถุงพาดลงมา รัดยางให้แน่น อุดด้วยสำลี หุ้ม ทับด้วยกระดาษหรือ ฝาครอบพลาสติก 3. นำไปนึ่งฆ่าเชื้อด้วยถังนึ่งไม่อัดความดัน หรือใช้หม้อนึ่งความดันอุณหภูมิ 90 – 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง ทิ้งไว้ให้ถุงเย็น 4. นำถุงวัสดุออกมาใส่เชื้อจากหัวเชื้อเห็ดที่เลี้ยงในเมล็ดข้าวฟ่าง ถุงละ ประมาณ 10 – 15 เมล็ด ก็เพียงพอ (โดยเขย่าเมล็ดข้าวฟ่างให้กระจายออก) เปิดและปิดจุกสำลีโดยเร็ว โดยปฏิบัติในที่สะอาดมิดชิดไม่มีลมโกรก 5. นำไปวางในที่สำหรับบ่มเส้นใย มีอุณหภูมิตามที่เห็ดแต่ละชนิดต้องการ ไม่จำเป็นต้องมีแสง ไม่ต้องให้น้ำที่ก้อนเชื้อจนเส้นใยเห็ดเริ่มรวมตัวกันเพื่อเจริญเป็นดอกเห็ด นำไปเปิดถุงให้ออกดอกต่อไป ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนักเรียนเพาะเห็ดได้ร้อยละ 100
|
14 | 0 |
11. ประชาสัมพันธ์แผล่งเรียนรู้ครั้งที่ 2 |
||
วันที่ 3 เมษายน 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำจัดนิทรรศการแหล่งเรียนโครงการเด็กไทยแก้มใสให้แก่นักเรียนเครือข่าย นักเรียนในโรงเรียน ครูและบุคลากรในโรงเรียนตลอดจนผู้ปกครอง ชุมชนใกล้เคียง ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนักเรียน ครูและบุคลากรในโรงเรียนได้รับความรู้ร้อยละ 100
|
168 | 168 |
12. คืนดอกเบี้ย เพื่อปิดโครงการ |
||
วันที่ 3 เมษายน 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำคืนดอกเบี้ย เพื่อปิดโครงการ ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคืนดอกเบี้ย เพื่อปิดโครงการ
|
0 | 0 |
13. ถอนเงินเปิดบัญชี |
||
วันที่ 3 เมษายน 2560 เวลา 09:00 น.กิจกรรมที่ทำ
ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นถอนเงินเปิดบัญชี
|
0 | 0 |
* ผลผลิต หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นเชิงปริมาณจากการทำกิจกรรม เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ผ่านการอบรม จำนวนครัวเรือนที่ปลูกผักสวนครัว เป็นต้น
** ผลลัพธ์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่การแก้ปัญหา เช่น หลังอบรมมีผู้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจำนวนกี่คน มีข้อบังคับหรือมาตรการของชุมชนที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือสภาพแวดล้อม เป็นต้น ทั้งนี้ต้องมีข้อมูลอ้างอิงประกอบการรายงาน เช่น ข้อมูลรายชื่อแกนนำ , แบบสรุปการประเมินความรู้ , รูปภาพกิจกรรมพร้อมคำอธิบายใต้ภาพ เป็นต้น
ส่วนที่ 2 ประเมินความพึงพอใจต่อความสำเร็จและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินโครงการในภาพรวม
ผลการดำเนินโครงการ
สรุปผลการดำเนินโครงการ
ผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรม:
ผลผลิตโครงการ
วัตถุประสงค์ | สถานการณ์ | เป้าหมาย | ผลผลิต | อธิบาย | |
---|---|---|---|---|---|
1 | เพื่อให้นักเรียนมีภาวะโภชนาการที่ดี มีสุขนิสัยที่พึงประสงค์ มีสมรรถภาพทางกายเหมาะสมตามวัย ตัวชี้วัด : นักเรียนมีการเจริญเติบโตสมวัย ร้อยละ 90 นักเรียนมีสุขนิสัยที่พึงประสงค์ร้อยละ 90 นักเรียนมีสมรรถภาพทางกายผ่านเกณฑ์ร้อยละ 90 |
||||
2 | เพื่อให้นักเรียนมีความรู้และทักษะเกี่ยวกับการเกษตรและการดำเนินกิจการสหกรณ์ สามารถนำไปใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันได้ ตัวชี้วัด : มีผลผลิตทางการเกษตร ้ช่น ผัก ปลาดุก เห็นนางฟ้า สนับสสนุนโครงการอาหารกลางวันอย่างต่อเนื่อง นักเรียนได้กินผักผลไม้มื้อกลางวันเฉลี่ยนวันละ 40-100กรัม/มื้อ/คน นักเรัยนทุกคนมีความรู้ ทักษะในการปลูกผักเพาะเห็นนางฟ้า เลี้ยงปลาดุก การปลูกผลไม้ นักเรียนร้อยละ 80 มีความรู้ทักษะกระบวนการสหกรณ์นักเรียน |
||||
3 | เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนการพัฒนาโรงเรียนตามแนวทางการดำเนินงานความสำเร็จของการบริหารจัดการอาหารและโภชนาการในโรงเรียนอย่างครบวงจรของโครงการพระราชดำริฯ”สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตัวชี้วัด : ผู้ปกครองนักเรียนมีส่วนร่วมในโครงการร้อยละ 80 หน่วยงานองค์กรณ์ต่าง ๆ ในชุมชนทุกหน่วย ให้การสนับสนุนช่วยเหลือในการพัฒนานักเรียน ครู ผู้ปกครองและแม่ครัว |
ผู้เข้าร่วมโครงการ
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) |
---|---|---|
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด | ||
กลุ่มเป้าหมาย | จำนวนที่วางไว้(คน) | จำนวนที่เข้าร่วม(คน) |
บทคัดย่อ*
ปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะ
ปัญหาและอุปสรรค | สาเหตุ | ข้อเสนอแนะ |
---|---|---|
ส่วนที่ 3 ประเมินคุณค่าโครงการ
โรงเรียนบ้านยางงาม จังหวัด สงขลา
รหัสโครงการ ศรร.1412-114
ได้ดำเนินกิจกรรมตามที่เสนอไว้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
( นายอาจินต์ สุขศรีสังข์ )
ผู้รับผิดชอบโครงการ
......./............/.......