ชื่อโรงเรียน | โรงเรียนบ้านคลองหอยโข่ง |
สังกัด | ?? |
หน่วยงานต้นสังกัด | ?? |
ที่อยู่โรงเรียน | 78/1 หมู่ที่ 3 ตำบลคลองหอยโข่ง อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา |
จำนวนนักเรียน | 156 คน |
ช่วงชั้น | อนุบาล,ประถม |
ผู้อำนวยการ | นายธัชชนันท์ จันทโกศล |
ครูผู้รับผิดชอบ | นางจีราวดี สิริรัตนจิตต์ |
ถอนดอกเบี้ยคืนเงินโครงการ
คืนดอกเบี้ย จำนวน 47.55 บาท
- ปรับปรุงแปลงพืชผักสวนครัว
- จัดหาช่างในการทำแปลงผักสวนครัว
- จัดซื้อวัสดุในการทำแปลงผักสวนครัว
- จัดซื้อหน้าดินเพื่อใส่ในแปลงผัก
- เตรียมดิน โดยรองพื้นแปลงด้วยหญ้า 1 ใน 3 ส่วนของ แล้วรดน้ำหมักชีวภาพ ทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ จากนั้นผสมดินกับปุ๋ยคอกในอัตราส่วน 3 : 1 แล้วรดน้ำหมักทิ้งไว้อีก 2-3 วัน จึงทำการปลูกพืชผักสวนครัว
1.โรงเรียนมีแปลงผักบุ้ง ผักเหรียง มะเขือ กระเจี๊ยบ ที่สามารถผลิตุวัตถุดิบในการปรุงอาหารกลางวันให้กับนักเรียน 2.เกิดการสร้างการเรียนรู้ให้กับครู นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน
- จัดซื้ออบพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อนำมาแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร
- แปรรูปกล้วยตาก เพื่อเป็นการถนอมอาหารไว้ใช้ในโครงการอาหารกลางวัน
- นักเรียนสามารถแปรรูปผลิตภัณฑ์กล้วยตาก แบบถูกสุขอนามัย เพื่อใช้ในการรับประทานอาหารกลางวัน
- จัดหาซื้อต้นกล้าพืชผักสวนครัว ได้แก่ มะนาว มะละกอ มะเขือ พริก
- ประชุมชี้แจงผู้ปกครองเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ในการแจกต้นกล้า
- แจกต้นกล้าพืช ให้ผู้ปกครองนำไปปลูกที่บ้าน เพื่อนำใช้ในการประกอบอาหารให้กับครอบครัว
ผู้ปกครองได้รับต้นกล้าพืชผักสวนครัว นำไปปลูกที่บ้าน เพื่อนำไปใช้ในการประกอบอาหารให้คนในครอบครัวรับประทาน
- จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการทำปุ๋ยหมักจากไส้เดือนดิน
- จัดเตรียมเอกสารใบความรู้ในการทำไส้เดือนดิน
- จัดเตรียมอาหารว่างให้ผู้เข้าอบรม
- จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการทำปุ๋ยหมักจากไส้เดือนดิน
1.นักเรียนสามารถทำปุ๋ยหมักจากไส้เดือนดินได้ 2.นำปุ๋ยหมักทีได้ไปใส่ให้กับพืชผักสวนครัวที่ปลูก ทำให้ได้พืชผักที่ปลอดภัย
- เชิญวิทยาการจากหน่วยงานที่มีความรู้เกี่ยวกับการทำบัญชี เช่น กรมตรวจบัญชีสหกรณ์
- เตรียมสถานที่ อาหารว่าง เอกสารการอบรม
- ดำเนินงานตามแผน จัดอบรมเกี่ยวกับการทำบัญชีพอเพียง ดังนี้ 1. วิทยากรอธิบายถึงข้อดี ของการทำบัญชีพอเพียง และข้อเสียของการทำบัญชีพอเพียง 2. ให้นักเรียนลงมือปฏิบัติการทำตัวอย่างบัญชีรายรับรายจ่าย เพื่อที่นักเรียนสามารถนำไปปฏิบัติจริงต่อไป
- นักเรียนสามารถจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายในแต่ละวัน
- รู้จักการออม
- เตรียมโรงเรือนเพาะเห็ดนางฟ้า
- สั่งซื้อก้อนเชื้อเห็ดจากฟาร์มเห็ด
- ฝึกให้นักเรียนเรียนรู้เกี่ิยวกับวิธีการดูแลเห็ดนางฟ้า โดยลงมือปฏิบัติจริงทุกขั้นตอน
3.1 การนำก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้ามาวางในโรงเพาะเห็ด โดยจะวางซ้อนกันในลักษณะสับหว่าง 4 - 5 ชั้น ตามความเหมาะสม
3.2 การรดน้ำเห็ดนางฟ้า โดยจะรดวันละ 2 ครั้งเช้าเย็น ซึ่งจะฉีดน้ำให้มีลักษณะเป็นละอองฝอยเล็กหน้าปากถุง หรือใช้บัวรดน้ำรดบริเวณเห็ดด้านบนของก้อนเชื้อเห็ด ห้ามไม่ให้เข้าปากถุงเพราะจะเป็นเชื้อราอ
3.3 การเก็บเห็ดนางฟ้า โดยให้จับบริเวณโคนเห็ดแล้วดึงออกตรงๆ จากปากถุง หรืออาจจะโยกโคนเห็ดเล็กน้อยก่อนดึง เพื่อไม่ให้รากติดในถุง ถ้าหากรากติดในถุงให้ใช้ปลายช้อนแคะรากออกมาให้หมดก่อน
3.4 การเตรียมเห็ดเพื่อจำหน่าย ให้ตัดตรงบริเวณโคนเห็ดเอาส่วนที่แข็งออกก่อนจึงจะจำหน่ายได้ - ส่งต่อสหกรณ์นักเรียน เพื่อจำหน่ายสู่โครงการอาหารกลางวัน
- นักเรียนสามารถเพาะเห็ดนางฟ้า เพื่อจำหน่ายเข้าสู่โครงการอาหารกลางวัน
- เป็นแหล่งเรียนรู้ เรื่องการเพาะเห็ดนางฟ้า ให้กับผู้ปกครอง หน่วยงานในชุมชน
ประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการรายงานกิจกรรม ดังนี้ 1. การตรวจสอบเอกสารทางการเงินที่โรงเรียนได้ดำเนินกิจกรรม ต้องตามระเบียบการเงินและพัสดุหรือไม่ 2. ตรวจสอบการรายงานการบันทึกกิจรรมผ่านระบบออนไลน์
- โรงเรียนสามารถจัดทำเอกสารทางการเงินได้ถูกต้องตามระเบียบการเงินและพัสดุ
- โรงเรียนสามารถรายงานกิจกรรมได้ทันตามเวลาที่กำหนด
เริ่มดำเนินการวันที่ 4 ตุลาคม 59 - 30 พ.ย.59 ประมาณ 2 เดือน
- เตรียมโรงเรือนสำหรับให้พืชเลื้อย โดยขึ้นโครงสร้างเสาแล้วใช้ตาข่ายขึงด้านบนโรงเรือน
- เตรียมดิน ใส่ใที่ปลูกภาชนะสำหรับปลูก (ล้อยางรถยนต์)
- นำเมล็ดพืชปลูก ได้แก่ ผักบุ้ง มะเขือ ผักเหรียง ในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นคอยดูแลรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้พืชเจริญเติบโต
- นักเรียนสามารถเรียนรู้กระบวนการทำงาน และรู้จักการแก้ไขปัญหาได้
- สามารถนำผักที่ปลูกมาทำเป็นอาหารกลางวันในโรงเรียนได้
กิจกรรมการเลี้ยงปลาดุกในกระชังมีขั้นตอนปฏิบัติดังนี้ เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 59 ถึง วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 60 รวม 5 เดือน ที่สามารถนำปลาดุกมาทำเป็นอาหารกลางวันในโรงเรียนได้
- สั่งซื้อกระชังปลา 2กระชังสำหรับปลาเล็ก และปลาใหญ่
- นำกระชังลงวางในบ่อโดยใช้เสายึดเป็นหลักทั้ง4ด้าน
- สั่งซื้อพันธุ์ปลาดุกขนาด3-4นิ้วจำนวน1000ตัวตัวละ1บาท
- นำพันธุ์ปลาดุกปล่อยในกระชังปลาเล็ก ให้อาหารปลาเล็กวันละ2ครั้งเช้า-เย็นครั้งละประมาณครึ่งกิโลกรัม (หรือสังเกตจากการกินอาหารของปลาไม่ให้มีเหลืออาหารลอยบริเวณผิวน้ำ)
- เมื่อปลาดุกใหญ่ได้ขนาดกลาง เปลี่ยนกระชัง และเปลี่ยนจากอาหารปลาเล็กเป็นอาหารปลาใหญ่ให้อาหารวันละ2ครั้งเช้า-เย็นโดยสังเกตจากการกินอาหารของปลาไม่ให้มีเหลืออาหารลอยบริเวณผิวน้ำ
- สังเกตเมือปลาได้ขนาดจึงสามารถจับมาบริโภคได้
- โรงเรียนมีปลาดุก เพื่อสามารถป้อนเข้าสู่โครงการอาหารกลางวันสำหรับนักเรียน
- นักเรียนมีทักษะในการเลี้ยงปลาดุก สามารถนำความรู้ที่ได้ไปเลี้ยงจริงที่บ้านได้
- เตรียมพื้นที่ทำการปลูก ซึ่งเตรียมดินโดยการไถ่พรวนดิน ผสมกับปุ๋ยคอกเพื่อให้ดินร่วนซุยปรับผิวหน้าดินให้สม่ำเสมอกัน
- จัดหาซื้อพันธุ์ข้าวไร่จำนวน5ถัง
- จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยสาธิตวิธีการหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว ในระหว่างร่องแปลงยางพาราอ่อนโดยจะต้องหว่านเมล็ดพันธุ์ให้กระจายห่างกัน ๆใช้เมล็ดพันธุ์ประมาณไร่ละ 15 กิโลกรัม
- ครูผู้ปกครองและนักเรียนร่วมกันหว่านเมล็ดพันธุ์ข้าวในระหว่างร่องแปลงยางพาราซึ่งเมล็ดพันธฺุ์ข้าวก็จะเจริญเติบโตตามธรรมชาติต่อไป
- การเก็บเกี่ยว ใช้ระยะเวลาประมาณ 4-5 เดือนหลังจากที่ทำการหว่านข้าวไร่ขึ้นอยู่กับแต่ละชนิดของพันธุ์ข้าวซึ่งใช้วิธีการเก็บด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า แกะ
- การเก็บรักษาเมื่อทำการเก็บเกี่ยวข้าวแล้วให้นำข้าวมาตากแดดจัดๆประมาณ 2-3วันเพื่อลดความชื้นในเมล็ดข้าวทำให้สามารถเก็บไว้ได้นาน
- นักเรียนได้เรียนรู้บูรณาการด้านการเกษตรเรื่องการปลูกข้าวไร่
- นักเรียนมีทักษะในการทำงานเป็นกลุ่ม
- โรงเรียนมีผลผลิตทางการเกษตร ข้าวไร่เพื่อสนับสนุนโครงการอาหารกลางวัน
1.จัดซื้อดินชีวภาพสำหรับปลูกต้นหอม
2. ครูให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกต้นหอมในขวดพลาสติกแก่นักเรียนโดยการวิธีการสาธิตและฝึกปฏิบัติจริงดังนี้
- การเตรียมขวดพลาสติกสำหรับปลูกโดยให้นักเรียนนำขวดพลาสติกที่เหลือใช้ นำมาตัดเป็น 2 ส่วน
- นำดินมาใส่ในขวดพลาสติก ด้านที่เป็นคอขวดประมาณ 4 ใน 5 ส่วนของขวด
- ใส่น้ำในขวดด้านที่เป็นก้นขวด จากนั้นนำขวดที่ใส่ดินมาวางไว้ด้านบน แล้วจึงนำหัวหอมมาปลูกลงในขวด (หัวหอมควรปาดด้านบนสักเล็กน้อยเพื่อง่ายต่อการงอก) รดน้ำให้ชุ่ม
- วางไว้บริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์สามารถตัดนำมาประกอบอาหารได้
3. การเก็บเกี่ยวผลผลิตให้ใช้มีดตัดบริเวณโค่นต้นหอม สังเกตน้ำในขวดด้านล่างถ้าน้ำลดลงให้เติมน้ำในขวดด้านล่างให้เต็มซึ่งในการปลูกแต่ละครั้งสามารถตัดนำมาประกอบอาหารได้ 3-4 ครั้ง
- นักเรียนสามารถปฏิบัติการปลูกต้นหอมในขวดพลาสติกไว้รับประทานเองที่บ้านได้
- โรงเรียนมีผลผลิตทางการเกษตร(ต้นหอม) ที่ปลอดภัยไว้ส่งเข้าโครงการอาหารกลางวัน
- เชิญวิทยากรมาให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกและการดูแลผักเหลียง
- จัดซื้อต้นพันธุ์ ผักเหลียง จำนวน200ต้น
- การเตรียมแปลงปลูกผักเหลียงโดยภูมิปัญญาท้องเป็นผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการเตรียมหลุม โดยให้ขุดลงประมาณ 1 ฟุตแล้วใส่ปุ๋ยคอกรองหลุม ประมาณ 2-3 กำมือและในแต่ละหลุมห่างกัน 1 เมตรโดยประมาณทั้ง 4 ด้าน
- สาธิตวิธีการปลูก ในการปลูกผักเหลียงให้ปลูกเอียงโดยลำต้นทำมุม45 องศากับพื้นดินเพื่อให้ตาที่อยู่บริเวณด้านข้างของลำต้นแตกออก ซึ่งจะปลูกในแนวเดียวกัน
- รดน้ำให้ชุ่มเพราะผักเหลียงเป็นพืชที่ชอบความชุ่มชื้นโดยจะรดวันละ 1-2 ครั้งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศซึ่งอาจจะระบบน้ำหยดเพื่อสะดวกในการดูแล
- การดูแลใส่ปุ๋ย เราใช้สลับระหว่างปุ๋ยเคมีกับ ปุ๋ยชีวภาพคือเมื่อปลูกไปประมาณ 2สัปดาห์ให้ใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15เพื่อบำรุงต้นและเวลารดน้ำใช้น้ำหมักชีวภาพผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 20 ลิตรโดยอาจจะรดสัปดาห์ละครั้ง
- การเก็บเกี่ยวผลผลิตใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือนหลังจากปลูกจึงจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
- จัดทำป้ายนิเทศความรู้เกี่ยวกับผักเหลียง
- นักเรียนสามารถ นำความรู้ที่ได้ไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน
- โรงเรียนมีผลผลิตทางการเกษตร เพื่อป้อนเข้าสู่โครงการอาหารกลางวัน
- เชิญภูมิปัญญาท้องถิ่นให้ความรู้นักเรียนเกี่ยวกับนัำหมักชีวภาพ
- การเตรียมวัตถุดิบในการทำน้ำหมักชีวภาพ(พืช)ดังนี้
- จัดซื้อกากน้ำตาล อีเอ็ม(EM)ถังพลาสติกขนาด 200ลิตร
- จัดหาวัตถุดิบในการทำน้ำหมักได้แก่ พืชอวบน้ำ เช่น ผักบุ้งลำต้นกล้วย ส่วนที่เป็นดอกของพืช รวมถึงผลด้วยโดยถ้าจะเน้นบำรุงส่วนไหนก็เตรียมส่วนนั้นให้มากหรือจะใช้ในสัดส่วนที่เท่ากันก็ได้
- ฝึกอบรมนักเรียนเกี่ยวกับวิธีการทำน้ำหมักชีวภาพโดยให้นักเรียนลงมือปฏิบัติจริงเกี่ยวกับการทำน้ำหมักชีวภาพ ดังนี้
- การเตรียมวัตถุดิบให้นำมาหั่น/สับให้เป็นชิ้นเล็กๆ - เตรียมกากน้ำตาลโดยใช้กากน้ำตาลประมาณ 5 ลิตรค้นผสมกับน้ำประมาณ 100ลิตรให้เข้ากัน - นำน้ำผสมกากน้ำตาลใส่ลงในถังขนาด 200 ลิตรลงไปประมาณครึ่งถัง ใส่ EM1 ลิตรคนให้เข้ากันแล้วจึงนำวัตถุดิบที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในถังประมาณ 3 ใน 4 ส่วนของถัง เพื่อให้มีพื้นที่วางสำหรับอากาศให้จุลินทรีย์หายใจแล้วกดให้วัตถุดิบจมน้ำถ้าหากไม่จมให้เติมน้ำ ให้มีลักษณะพอท่วมเศษวัตถุดิบแล้วจึงปิดฝาถังวางในบริเวณทีร่ม - ในช่วงสัปดาห์ให้มาเขย่าถังเพื่อกระตุ้นการหมัก ปิดฝาเล็กน้อยเพื่อระบายแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการหมัก และสังเกตการหมักของจุลินทรีย์ถ้าเกิดฟองแก๊สหลังจากเขย่าแสดงว่าเกิดการหมักแต่ถ้าไม่เกิดหมักอาจจะเป็นเพราะว่าแหล่งอาหารของจุลินทรีย์น้อยไปให้เติมน้ำผสมกากน้ำตาล หรือ EM ลงไปในกรณีที่อาจจะมีจุลินทรีย์น้อยไปหรืออาจจะเติมไปทั้งสองอย่างก็ได้ -หลังจากหมักแล้ว 15 วัน ให้นำไปผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 20 ลิตรในการรดน้ำพืชส่วนเศษวัสดุให้นำออกมาใส่ในโคนต้นไม้เพื่อเป็นปุ๋ยด้วยเช่นกันหรือ อาจจะนำไปใช้สำหรับเตรียมดินสำหรับปลูกพืชโดยนำน้ำหมักไปรดลงไปในดินที่พรวนดินทิ้งไว้ 2-3 ครั้งก่อนทำการปลูกพืช 4. น้ำหมักชีวภาพที่ได้ สามารถนำไปใช้เป็นหัวเชื้อในการทำน้ำหมักครั้งต่อไป ไม่จำเป็นต้องซื้อ EM
- นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับการทำน้ำหมักชีวภาพและสามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
- โรงเรียนมีน้ำหมักชีวภาพเพื่อใช้เป็นปุ๋ยในการดูแลพืชและการเตรียมดินของการเกษตรในโรงเรียน
- เตรียมเอกสารประกอบการอบรม
- ประสานความร่วมมือเชิญวิทยากรผู้ให้ความรู้ เกี่ยวกับการดูแลภาวะโภชนาการ จากหน่วยงานรพ.สต
- จัดเตรียมสถานที่ อาหารและเครื่องดื่ม
- จัดการอบรมผู้ปกครองและนักเรียนเกี่ยวกับการสุขบัญญัตินักเรียนการเลือกรับประทานอาหาร ภาวะโภชนาการ รวมถึงการดูแลนักเรียน
- ผู้ปกครองมีความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขบัญญัตินักเรียนโภชนาการนักเรียน
- ทำให้เกิดความต่อเนื่องในการดูแลสุขภาวะโภชนาการนักเรียนทั้งที่่บ้านและที่่โรงเรียน
1.จัดซื้อกระดานไวท์บอร์ด 1 ป้าย เพื่อจัดทำเป็นป้ายนิเทศเมนูอาหารกลางวัน และสารอาหารหลัก 5 หมู่ ที่ได้รับในแต่ละวัน 2.จัดจ้าง ทำป้ายนิเทศไวนิล เรื่อง โภชนบัญญัติ 9 ประการ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติให้การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ 3.จัดกิจกรรมการเรียนรู้บูรณาการเรื่องอาหารและโภชนาการให้กับนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ และสุขศึกษา 4.ฝึกปฏิบัตินักเรียนในการแยกแยะส่วนประกอบของเมนูอาหารกลางวัน และสารอาหารที่ได้รับในเมนูอาหารกลางวันนั้น 5.ให้นักเรียนปฏิบัติจริงเกี่ยวกับการเขียนเมนูอาหารกลางวันในแต่ละวัน และแยกสารอาหารที่ได้รับ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับโภชนาการอาหารกลางวันของนักเรียน
- ครูบุคลากรและนักเรียนกลุ่มเป้าหมายสามารถแยกแยะสารอาหารหลัก 5 หมุู่ ที่ได้รับจากเมนูอาหารกลางวันได้
- ครูบุคลากรและนักเรียนสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสารอาหารสารอาหารหลัก 5 หมุู่ ที่ได้รับในเมนูอาหารกลางวันได้
- ครูบุคลากรและนักเรียนสามารถปฏิบัติตนเกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมได้
- ครูให้ความรู้นักเรียนเกี่ยวกับวิธีการเพาะถั่วงอกคอนโด โดยการสาธิตตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการเพาะถั่วงอก จนถึงวิธีการปฏิบัติเพาะถั่วงอกคอนโด
- ฝึกปฏิบัตินักเรียนเกี่ยวกับการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ ในการเพาะถั่วงอกคอนโด ดังนี้ - การเตรียมถังดำ ขนาด 100 ลิตร เจาะรูที่ก้นถัง เพื่อระบายน้ำ - การเตรียมกระสอบป่าน เพื่อทำให้ถังมีความชื้นอยู่สม่ำเสมอ โดยตัดให้มีลักษณะเป็นวงกลมเท่ากับขนาดของก้นถัง - การเตรียมตาข่ายพลาสติกสีดำ ตัดให้มีขนาดเดียวกับกระสอบป่าน - จัดหาซื้อตะแกรงเหล็ก หรือ ตะกร้าที่มีลักษณะกลมเพื่อรองก้นถัง
- ฝึกนักเรียนปฏิบัติจริงเกี่ยวกับการปลูกถั่วงอก ดังนี้
3.1 แช่ถั่วเขียวด้วยน้ำอุ่นอย่างน้อยประมาณ 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้เมล็ดถั่วเขียวพองตัว
3.2 เตรียมถังดำโดยชั้นแรกให้นำตะแกรงหรือตะกร้ามาวางที่ก้นถัง ตามด้วยตาข่ายพลาสติกสีดำและกระสอบป่านที่ชุ่มน้ำ แล้วจึงนำเมล็ดถั่วเขียวมาโรยบนชั้นกระสอบป่าน ประมาณ 3-4 กำมือ จากนั้นนำตาข่ายสีดำมาวางทับแล้วตามด้วยกระสอบป่าน โรยเมล็ดถั่วเขียวเป็นชั้นที่สองแล้วจึงปิดด้วยตาข่ายและกระสอบป่านอีกครั้ง โดยทำประมาณ 3-4 ชั้นสลับกัน แล้วรดน้ำให้ชุ่ม ปิดฝาถังพลาสติก
3.3 รดน้ำให้ชุ่มอยู่ตลอดเวลา โดยเฉลี่ย 2-3 ชั่วโมงครั้ง หรือ รดวันละ 3 เวลา คือ เช้า เที่ยง เย็น ก็ได้
3.4 โดยใช้เวลาประมาณ 3-4 วันจึงจะสามารถนำไปประกอบอาหารได้
3.5 การเก็บเกี่ยวผลผลิต เมื่อครบกำหนดเวลาถั่วงอกจะงอกรากติดกับกระสอบป่าน ให้นำถั่วงอกในแต่ละชั้นมาตัดรากออก แล้วนำไปล้างทำความสะอาดเพื่อนำไปปรุงอาหารต่อไป 3.6 ส่วนวัสดุ อุปกรณ์ ยังคงสามารถใช้ทำต่อในคราวต่อไปได้ โดยจะต้องล้างทำความสะอาด และตากแดดให้แห้ง - นำผลผลิตที่ได้ชั่งน้ำหนักส่งขายเข้าสู่โครงการอาหารกลางวัน โดยในการทำแต่ละครั้งจะใช้ถั่วเขียว 1 กิโลกรัม จะได้ถั่วงอก 5-6 กิโลกรัม ซึ่งขึ้นอยู่กับการรดน้ำถั่วงอกในแต่ละครั้งที่ทำการเพาะ
- นักเรียนครูบุคลากรในกลุ่มเป้าหมายร้อยละ 100 เข้าร่วมกิจกรรมการเพาะถั่วงอกคอนโด
- นักเรียนนำความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเพาะถั่วงอกทำให้สามารถเพาะถั่วงอกที่สะอาดปลอดภัย ไว้รับประทานเองได้
- โรงเรียนมีถั่วงอกสัปดาห์ละ 5-6 กก. ต่อครั้งในการเพาะ เป็นผลผลิตทางการเกษตรของโรงเรียนป้อนเข้าสู่โครงการอาหารกลางวัน