ชื่อโรงเรียน | โรงเรียนสุเหร่าซีรอ (ราษฎร์สามัคคี) |
สังกัด | ?? |
หน่วยงานต้นสังกัด | ?? |
ที่อยู่โรงเรียน | แขวงสะพานสูง เขตบางกะปิ จังหวัดกรุงเทพมหานคร |
จำนวนนักเรียน | 960 คน |
ช่วงชั้น | อนุบาล,ประถม,มัธยมต้น |
ผู้อำนวยการ | นายธีระพร ทองสาด |
ครูผู้รับผิดชอบ | นางฮับเซ๊าะ พวงมณีย์ |
จัดทำรายงานปิดโครงการ งวด 2 พร้อมคืนดอกเบี้ย
จัดทำรายงานปิดโครงการ งวด 2 พร้อมคืนดอกเบี้ย
ถอนเงินค่าเปิดบัญชีธนาคาร
ถอนเงินค่าเปิดบัญชีธนาคาร
รายละเอียดขั้นตอน กระบวนการ กิจกรรมปฎิบัติจริง
- ชั่งนำหนัก-วัดส่วนสูงนักเรียนทุกคนบันทึกในสมุดบันทึกน้ำหนัก-วัดส่วนสูงภาคเรียนล 2 ครั้ง
- นำข้อมูลน้ำหนัก-ส่วนสูงไปวิเคราะห์เปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของกรมอนามัย
- บันทึกรายชื่อนักเรียนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน)และน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน(ผอม)
- นักเรียนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน)และน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน(ผอม)ทำกิจกรรมเด็กไทยไร้พุง
- ให้ความรู้ผู้ปกครอง นักเรียนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน)และน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน(ผอม)ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
ผลผลิต
- นักเรียนจำนวน 828 คน ชั่งน้ำหนัก-วัดส่วนสูงภาคเรียนละ 2 ครั้ง
- นักเรียนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน)และน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน(ผอม) จำนวน 97 คนกิจกรรมเด็กไทยไร้พุง
- ผู้ปกครอง นักเรียนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน)และน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน(ผอม) จนวน 97 คนประชุมปรึกษาหาแนวทางแก้ไข
ผลลัพธ์
- ได้รับทราบจำนวนนักเรียนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน)และน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน(ผอม) ปีการศึกษา 2559 ภาคเรียนที่ 2 เมื่อเปรียบเทียบ ปรากฎว่า - เตี้ย ลดลง 0.22 - - ผอม ลดลง 0.71 - อ้วน เพิ่มขึ้น 1.23 - อ้วน-เริ่มอ้วน เพิ่มขึ้น 1.37
- นักเรียนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน)และน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน(ผอม)ได้รับการช่วยเหลือเข้าร่วมกิจกรรมเด็กไทยไร้พุงเพื่อให้มีจำนวนลดน้อยลงและมีน้ำได้เกณฑ์มาตรฐาน
- ผู้ปกครอง และนักเรียนที่มีปัญหาภาวะทุพโภชนการได้รับความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัตนในชีวิตประจำวัน การเลือกรับประทานอาหาร การดูแลสุขภาพ
1.การชั่งน้ำหนัก -วัดส่วนสูง โดยครูประจำชั้นแล้วแปรผล
2.การบันทึกสุขภาพโดยครูประจำชั้น
3.ทำหนังสือเชิญผู้ปกครองและนักเรียนที่มีปัญหาทุพโภชนาการเกิน (อ้วน)เข้ารับการอบรม
4.ทำหนังสือเรียนเชิญพยาบาลอนามัยศูนย์สาธารณสุข 68 สะพานสูงให้ความรู้แก่ผู้ปกครองและนักเรียนที่มีปัญหาทุพโภชนาการเกิน (อ้วน)
5.พยาบาลอนามัยศูนย์สาธารณสุข 68 สะพานสูงให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหาร การดูแล รักษาสุขภาพ
6.เลี้ยงอาหารว่างและอาหารกลางวันผู้ปกครอง
ผลผลิต
1. นักเรียน จำนวน 828 คน ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง ภาค เรียนละ 2 ครั้ง
2. โรงเรียนมีสารสนเทศด้าน สุขภาพนักเรียน ร้อย100
3. ผู้ปกครองและนักเรียนที่มี ปัญหาทุพโภชนาการจำนวน 97 คนได้รับ ความรู้เกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหาร การดูแล รักษาสุขภาพ
ผลลัพท์
1.นักเรียนที่มีน้ำหนัก ไม่ได้มาตรฐานได้รับการ ช่วยเหลือ ด้วยวิธีการ ต่าง ๆ มีโครงการเด็กไทยไร้พุง
2.นักเรียนมีน้ำหนัก ส่วนสูงได้เกณฑ์มาตรฐานมากขึ้น
3.นักเรียนที่มีปัญหาได้รับการช่วยเหลือ
4.นักเรียนที่มีปัญหาทุพโภชนาการได้รับการแก้ไข สถิตินักเรียนที่มีปัญหา ทุพโภชนาการ ลดน้อยลง
การทดสอบสมรรถภาพและการออกกำลังกาย
- ครูพลศึกษาทดสอบสมรรถภาพนักเรียนปีละ 1ครั้ง
- นักเรียนท่ีมีภาวะทุพโชนาเกิน (อ้วน) ออกกำลังกายโดยปั่นจักรลดพุง กระโดดเชือก เล่นฮูลาฮุบ ปั่นเพื่อสุขภาพ
- นักเรียนท่ีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน)ออกกำลังกายก่อนเรียนวิชาพลศึกษา
- นักเรียนออกยามเช้าก่อนเข้าเรียนทุกวันพุธ
- การตรวจสุขภาพนักเรียน
- จัดซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายเพิ้มเติม
- การปรับปรุงห้องพยาบาล
ผลผลิต
1. นักเรียนได้รับการตรวจสุขภาพทุกคน
2. นักเรียนได้รับการทดสอบสมรรถภาพทางกายอย่างน้อยภาคเรียนละ 1 ครั้ง
3. นักเรียนที่อ้วนได้รับการแก้ไข 100 %
4. นักเรียนที่อ้วนได้รับการออกตอนเช้าทุกวันพุธและออก กำลังกายด้วยการปั่นจักรยาน
5. ห้องพยาบาลให้ได้มาตรฐาน สวยงาม สะอาดและ ส่งเสริมความรู้ทั่วไป
ผลลัพท์
1. โรงเรียนมีสารสนเทศ ด้านสุขภาพนักเรียน 100%
2. นักเรียนที่มีปัญหาด้าน สมรถภาพทางกายได้รับการแก้ไข 100 %
3. จำนวนนักเรียนที่เป็นโรคอ้วนลดลงอย่างน้อย 7 %
4. โรงเรียนมีห้องพยาบาลได้ผ่านมาตรฐาน
ปีการศึกษา 2559 ภาคเรียนที่ 2 เมื่อเปรียบเทียบ ปรากฎว่า
1. เตี้ย ลดลง 0.22
2. ผอม ลดลง 0.71
3. อ้วน เพิ่มขึ้น 1.23
4. อ้วน-เริ่มอ้วน เพิ่มขึ้น 1.37
- ครูประจำชั้นให้ความรู้บูรณการในวิชาสุขศึกษา เรื่องการล้างมือ สุขบัญญัติ 10 ประการ การใช้ช้อนกลาง การแปรงฟัน การอาบน้ำสระผม
- ครูตรวจสุขภาพ เล็บ เหาผม ฟันนักเรียน
- นักเรียนแกนนำอสม. ทำการตรวจเหา แลใส่ยากำจัดเหา
- พยาบาลอนามัย ศูนย์สาธารณสุข 68 สะพานสู เขตสะพานสูง ใส่ยากำจัดเหานักเรียน
- ครูและนักเรียนแกนนำช่วยกันทำน้ำยาล้างมือและนำยากำจัดเหาสมุนไพรมะกรูด
- เจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกอาชีพ แผนกการตัดผม สำนักงานเขตสะพานสูง ทำการตัดผมให้นักเรียน
ผลผลิต
- มีนักเรียนแกนนำตรวจสุขภาพนักเรียน
- เจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกอาชีพ แผนกการตัดผม สำนักงานเขตสะพานสูงร่วมกิจกรรม
- ทำยากำจัดเหาสมุนไพร
- ทำน้ำยาล้างมืออเนกประสงค์สมุนไพร
ผลลัพธ์
- นักเรียนได้รับความรู้จากการเรียนวิชาสุขศึกษานำมาต่อยอดดูแลสุขภาพเพื่อน ๆ และน้อง ๆได้
- ได้ผลิตภัณฑ์น้ำยากจัดเหาสมุนไพรแทนน้ำยากำจัดเหาท่ีผสมสารเคมี
- นัเรียนผมสั้นถูกระเบียบของโรงเรียน
- ได้น้ำยาล้างมืออเนกประสงค์สมุนไพรแทนน้ำยาล้างมืออเนกประสงค์สมุนไพร
- เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาชุมชน เขตสะพานสูงให้ความรู้คำแนะนำวิธีการเลี้ยงไก่ไข่แก่นักเรียนแกนนำดังนี้
- ไก่พันธุ์แท้ เป็นไก่ที่ได้รับการคัดเลือกและผสมพันธุ์มาเป็นอย่างดี จนลูกหลานในรุ่นต่อๆ มามีลักษณะรูปร่าง ขนาด สี และอื่นๆ เหมือนบรรพบุรุษไก่พันธุ์แท้ยกตัวอย่าง ไก่พันธุ์แท้ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ โร๊ดไอส์แลนด์แดง บาร์พลีมัทร็อค เล็กฮอร์นขาวหงอนจักร
- ไก่พันธุ์ผสม ฟังดูอาจจะดูเป็นไก่ไม่ดี แต่ที่จริงแล้วเป็นไก่ที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างไก่พันธุ์แท้ 2 พันธุ์ โดยมีจุดประสงค์ให้ลูกไก่ได้ข้อดีของพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ เช่น ไข่ดก ทนทานโรค เป็นต้น ยกตัวอย่างไก่ผสมที่เป็นที่็นิยมก็คือ ไก่ไฮบรีด อุปกรณ์ในการเลี้ยงไก่ไข่
ส่วนนี้เป็นสิ่งจำเป็นมากในการเลี้ยงไก่ไข่ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานอย่างเช่น ถาดหรือรางอาหาร รางน้ำ และอุปกรณ์ที่พิเศษขึ้นมาก็ยกตัวอย่าง เช่น
- อุปกรณ์การให้อาหาร มีหลายแบบ เช่น ถาดอาหาร รางอาหาร ถังอาหาร เป็นต้น
- อุปกรณ์ให้น้ำ มีหลายแบบขึ้นอยู่กับอายุไก่ เช่น แบบรางยาว แบบขวดมีฝาครอบ
- เครื่องกกลูกไก่ ทำหน้าที่ให้ความอบอุ่นแทนแม่ไก่ในตอนที่ลูกไก่ยังเล็กอยู่
- รังไข่ โดยปกติรังไข่จะควรมีความมืดพอสมควร และมีอุณหภูมิที่เย็น ซึ่งถ้าหากเลี้ยงแบบโรงเรือนก็จะเป็นรางที่ควรทำความสะอาดง่าย หรือถ้าใครเลี้ยงแบบปล่อย ก็ควรมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการออกไข่ อย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้น
- วัสดุรองพื้น จำพวก ฟางข้าว ซังข้าวโพด แกลบ เป็นต้น เพื่อความสะอาดและความสบายของตัวไก่
- อุปกรณ์การให้แสง ทั้งแสงจากธรรมชาติ และแสงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์
อาหารของไก่ไข่ ส่วนประกอบของสารอาหารที่จำเป็นต่อไก่ไข่ ก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์มากเท่าไหร่ แต่สิ่งที่แตกต่างคือ วัตถุดิบที่นำมาใช้จะต้องเหมาะสมทั้งในเรื่องของ ราคา ปริมาณ และคุณภาพของสารอาหารที่ให้ โดยทางทีมงานอีสานร้อยแปด จะแบ่งให้ทุกคนดูง่ายๆ เป็น สารอาหาร 6 ประเภทใหญ่ๆ
- โปรตีน ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อในการเจริญเติบโตซ่อมแซมรักษา ในอาหารไก่ไข่ควรจะมีโปรตีนประมาณ13-19%
- คาร์โบไฮเดรต มีหน้าที่ให้พลังงาน ให้ความอบอุ่น และเพื่อนำไปใช้ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ควรจะมีอยู่ในอาหารไก่ไข่ประมาณ38-61%
- น้ำ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ช่วยในการย่อย การดูดซึม รักษาอุณหภูมิในร่างกาย และช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย
- ไขมัน มีหน้าทีให้ความอบอุ่นและพลังงานแก่ร่างกาย แต่ไม่ควรมากเกินไป
- วิตามิน ช่วยให้ไก่มีความต้านทานโรค และบำรุงระบบประสาท
- แร่ธาตุ ช่วยในการสร้างโครงกระดูก สร้างเลือด สร้างเปลือกไข่
ชนิดของอาหารที่ใช้เลี้ยงไก่ไข่
- อาหารผสม เป็นอาหารผสมจากวัตถุดิบที่บดละเอียดแล้วหลายๆ อย่างคลุกเคล้าให้เข้ากัน สามารถนำไปเลี้ยงไก่ได้ทันที
- หัวอาหาร เป็นอาหารเข้มข้นที่ผสมจากวัตถุดิบพวกโปรตีนจากพืช สัตว์ ไวตามิน แร่ธาตุ และยาต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมและลดต้นทุนค่าอาหาร
- อาหารอัดเม็ด เป็นอาหารสำเร็จรูปมีให้เลือกหลากหลาย ขึ้นอยู่กับอายุของไก่
- อาหารเสริม เป็นอาหารที่นำไปเสริมเพื่อเพิ่มสารอาหารด้านต่าง ๆ ที่ยังขาด เพื่อให้ไก่ได้รับสารอาหารครบถ้วน
โรงเรือนในการเลี้ยงไก่ไข่
- ป้องกันแดด ลม และฝนได้
- แข็งแรง ทนทาน ป้องกัน นก หนู แมว หรือสุนัขได้
- ทำความสะอาดได้ง่าย
- ห่างจากชุมชน และอยู่ใต้ลมของบ้าน เพราะจะได้ไม่มีกลิ่นรบกวน
- ใช้วัสดุที่หาง่าย ราคาถูก
- ถ้าสร้างหลายหลังควรมีระยะห่างมากกว่า 10 เมตร เพื่อให้ระบายอากาศได้ดีและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
แบบโรงเรือนในการเลี้ยงไก่ไข่ ลักษณะของโรงเรือนไก่ไข่จะมีหลายแบบขึ้นอยู่กับงบประมาณ วัสดุ ความยากง่ายในการสร้าง รูปแบบของโรงเรือนไก่ไข่มีดังนี้
- แบบเพิงหมาแหงน แบบนี้จะสร้างง่าย ลงทุนน้อย แต่จะมีข้อเสียคือฝนอาจจะสาดเข้าทางด้านหน้าได้ง่าย และมีความแข็งแรงน้อย
- แบบหน้าจั่วชั้นเดียว ข้อดีคือแข็งแรงกว่าแบบเพิงหมาแหงน สามารถป้องกันแดด ลม ฝนได้ดีกว่า แต่จะมีค่าวัสดุ อุปกรณ์ และค่าก่อสร้างมากกว่าแบบเพิงหมาแหงน เพราะรูปแบบมีความซับซ้อนมากกว่า
- แบบหน้าจั่วสองชั้น แบบนี้จะคล้าย ๆ กับหน้าจั่วชั้นเดียว แต่จะต่างกันตรงที่มีหน้าจั่วชั้นที่ 2 เพิ่งขึ้นมาเพื่อช่วยระบายอากาศ ทำให้แบบนี้จะระบายความร้อนได้ดีและเย็นกว่าแบบหน้าจั่วชั้นเดียว แต่ก็จะมีค่าก่อสร้างแพงกว่าหน้าจั่วชั้นเดียว
- แบบหน้าจั่วกลาย คล้ายเพิงหมาแหงน แต่สามารถกันฝนได้ดีกว่า และมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างมากกว่าเพิงหมาแหงน
- แบบเพิงหมาแหงนกลาย แบบนี้จะมีกว่าเพิงหมาแหงนและแบบหน้าจั่ว เพราะมีการระบายอากาศ และกันฝน กันแดดได้ดีกว่า แต่ค่าใช้จ่ายถูกกว่าแบบหน้าจั่ว
ปรับปรุงซ่อมโรงเรือนเลี้ยงไก่โดยการทำความสะอาดโรงเรือน กวาดขี้ไก่ และโรยแกลบชุดใหม่
- สอบถามราคาพันธ์ไก่ไข่ อุปกรณ์เลี้ยงไก่ไข่ และอาหารไก่ไข่ตามร้านค้า
- ซื้อพันธุ์ไก่ไข่ จำนวน 25 ตัว ตัวละ200บาท
- ซื้ออุปกรณ์เลี้ยงไก่ไข่จากร้านค้าในชุมชน
- ซื้ออาหารไก่ไข่จากร้านค้าในชุมชน
- นำผลผลิตไข่ไก่สงสหกรณ์โรงเรียนเพื่่อจำหน่ายให้กับโครงการอาหารกลางวัน
ผลผลิต
. เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาชุมชน เขตสะพานสูง 2 คนให้คำแนะนำวิธีการเลี้ยงไก่ไข่แก่นัเรียนแกนนำ 2. โรงเรียนเลี้ยงไก่ไข่ 25 โดยมีผลผลิตจากไก่ไข่ ทุกวัน 25 ฟอง 3. มีนักเรียนเลี้ยงไก่ไข่ 30 คน มีครูที่ปรึกษา 2 คน
ผลลัพธ์
- นักเรียนมีไข่ไก่ รับประทานในโครงการอาหารกลางวัน
- นักเรียนได้ประสบการณ์จริง ในการปฏิบัติกิจกรรม
- นักเรียนมีความรู้ในเรื่องการเลี้ยงไก่ไข่ และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ 4 โรงเรียนมีการบูรณาการ การเรียนการสอนในกิจกรรม ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้
- เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาชุมชน เขตสะพานสูงให้ความรู้คำแนะนำวิธีการเลี้ยงไก่ไข่แก่นักเรียนแกนนำดังนี้
- ไก่พันธุ์แท้ เป็นไก่ที่ได้รับการคัดเลือกและผสมพันธุ์มาเป็นอย่างดี จนลูกหลานในรุ่นต่อๆ มามีลักษณะรูปร่าง ขนาด สี และอื่นๆ เหมือนบรรพบุรุษไก่พันธุ์แท้ยกตัวอย่าง ไก่พันธุ์แท้ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ โร๊ดไอส์แลนด์แดง บาร์พลีมัทร็อค เล็กฮอร์นขาวหงอนจักร
- ไก่พันธุ์ผสม ฟังดูอาจจะดูเป็นไก่ไม่ดี แต่ที่จริงแล้วเป็นไก่ที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างไก่พันธุ์แท้ 2 พันธุ์ โดยมีจุดประสงค์ให้ลูกไก่ได้ข้อดีของพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ เช่น ไข่ดก ทนทานโรค เป็นต้น ยกตัวอย่างไก่ผสมที่เป็นที่็นิยมก็คือ ไก่ไฮบรีด อุปกรณ์ในการเลี้ยงไก่ไข่
ส่วนนี้เป็นสิ่งจำเป็นมากในการเลี้ยงไก่ไข่ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานอย่างเช่น ถาดหรือรางอาหาร รางน้ำ และอุปกรณ์ที่พิเศษขึ้นมาก็ยกตัวอย่าง เช่น
- อุปกรณ์การให้อาหาร มีหลายแบบ เช่น ถาดอาหาร รางอาหาร ถังอาหาร เป็นต้น
- อุปกรณ์ให้น้ำ มีหลายแบบขึ้นอยู่กับอายุไก่ เช่น แบบรางยาว แบบขวดมีฝาครอบ
- เครื่องกกลูกไก่ ทำหน้าที่ให้ความอบอุ่นแทนแม่ไก่ในตอนที่ลูกไก่ยังเล็กอยู่
- รังไข่ โดยปกติรังไข่จะควรมีความมืดพอสมควร และมีอุณหภูมิที่เย็น ซึ่งถ้าหากเลี้ยงแบบโรงเรือนก็จะเป็นรางที่ควรทำความสะอาดง่าย หรือถ้าใครเลี้ยงแบบปล่อย ก็ควรมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการออกไข่ อย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้น
- วัสดุรองพื้น จำพวก ฟางข้าว ซังข้าวโพด แกลบ เป็นต้น เพื่อความสะอาดและความสบายของตัวไก่
- อุปกรณ์การให้แสง ทั้งแสงจากธรรมชาติ และแสงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์
อาหารของไก่ไข่ ส่วนประกอบของสารอาหารที่จำเป็นต่อไก่ไข่ ก็ไม่ได้ต่างจากมนุษย์มากเท่าไหร่ แต่สิ่งที่แตกต่างคือ วัตถุดิบที่นำมาใช้จะต้องเหมาะสมทั้งในเรื่องของ ราคา ปริมาณ และคุณภาพของสารอาหารที่ให้ โดยทางทีมงานอีสานร้อยแปด จะแบ่งให้ทุกคนดูง่ายๆ เป็น สารอาหาร 6 ประเภทใหญ่ๆ
- โปรตีน ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อในการเจริญเติบโตซ่อมแซมรักษา ในอาหารไก่ไข่ควรจะมีโปรตีนประมาณ13-19%
- คาร์โบไฮเดรต มีหน้าที่ให้พลังงาน ให้ความอบอุ่น และเพื่อนำไปใช้ในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ควรจะมีอยู่ในอาหารไก่ไข่ประมาณ38-61%
- น้ำ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ช่วยในการย่อย การดูดซึม รักษาอุณหภูมิในร่างกาย และช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย
- ไขมัน มีหน้าทีให้ความอบอุ่นและพลังงานแก่ร่างกาย แต่ไม่ควรมากเกินไป
- วิตามิน ช่วยให้ไก่มีความต้านทานโรค และบำรุงระบบประสาท
- แร่ธาตุ ช่วยในการสร้างโครงกระดูก สร้างเลือด สร้างเปลือกไข่
ชนิดของอาหารที่ใช้เลี้ยงไก่ไข่
- อาหารผสม เป็นอาหารผสมจากวัตถุดิบที่บดละเอียดแล้วหลายๆ อย่างคลุกเคล้าให้เข้ากัน สามารถนำไปเลี้ยงไก่ได้ทันที
- หัวอาหาร เป็นอาหารเข้มข้นที่ผสมจากวัตถุดิบพวกโปรตีนจากพืช สัตว์ ไวตามิน แร่ธาตุ และยาต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมและลดต้นทุนค่าอาหาร
- อาหารอัดเม็ด เป็นอาหารสำเร็จรูปมีให้เลือกหลากหลาย ขึ้นอยู่กับอายุของไก่
- อาหารเสริม เป็นอาหารที่นำไปเสริมเพื่อเพิ่มสารอาหารด้านต่าง ๆ ที่ยังขาด เพื่อให้ไก่ได้รับสารอาหารครบถ้วน
โรงเรือนในการเลี้ยงไก่ไข่
- ป้องกันแดด ลม และฝนได้
- แข็งแรง ทนทาน ป้องกัน นก หนู แมว หรือสุนัขได้
- ทำความสะอาดได้ง่าย
- ห่างจากชุมชน และอยู่ใต้ลมของบ้าน เพราะจะได้ไม่มีกลิ่นรบกวน
- ใช้วัสดุที่หาง่าย ราคาถูก
- ถ้าสร้างหลายหลังควรมีระยะห่างมากกว่า 10 เมตร เพื่อให้ระบายอากาศได้ดีและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
แบบโรงเรือนในการเลี้ยงไก่ไข่ ลักษณะของโรงเรือนไก่ไข่จะมีหลายแบบขึ้นอยู่กับงบประมาณ วัสดุ ความยากง่ายในการสร้าง รูปแบบของโรงเรือนไก่ไข่มีดังนี้
- แบบเพิงหมาแหงน แบบนี้จะสร้างง่าย ลงทุนน้อย แต่จะมีข้อเสียคือฝนอาจจะสาดเข้าทางด้านหน้าได้ง่าย และมีความแข็งแรงน้อย
- แบบหน้าจั่วชั้นเดียว ข้อดีคือแข็งแรงกว่าแบบเพิงหมาแหงน สามารถป้องกันแดด ลม ฝนได้ดีกว่า แต่จะมีค่าวัสดุ อุปกรณ์ และค่าก่อสร้างมากกว่าแบบเพิงหมาแหงน เพราะรูปแบบมีความซับซ้อนมากกว่า
- แบบหน้าจั่วสองชั้น แบบนี้จะคล้าย ๆ กับหน้าจั่วชั้นเดียว แต่จะต่างกันตรงที่มีหน้าจั่วชั้นที่ 2 เพิ่งขึ้นมาเพื่อช่วยระบายอากาศ ทำให้แบบนี้จะระบายความร้อนได้ดีและเย็นกว่าแบบหน้าจั่วชั้นเดียว แต่ก็จะมีค่าก่อสร้างแพงกว่าหน้าจั่วชั้นเดียว
- แบบหน้าจั่วกลาย คล้ายเพิงหมาแหงน แต่สามารถกันฝนได้ดีกว่า และมีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างมากกว่าเพิงหมาแหงน
- แบบเพิงหมาแหงนกลาย แบบนี้จะมีกว่าเพิงหมาแหงนและแบบหน้าจั่ว เพราะมีการระบายอากาศ และกันฝน กันแดดได้ดีกว่า แต่ค่าใช้จ่ายถูกกว่าแบบหน้าจั่ว
ปรับปรุงซ่อมโรงเรือนเลี้ยงไก่โดยการทำความสะอาดโรงเรือน กวาดขี้ไก่ และโรยแกลบชุดใหม่
- สอบถามราคาพันธ์ไก่ไข่ อุปกรณ์เลี้ยงไก่ไข่ และอาหารไก่ไข่ตามร้านค้า
- ซื้อพันธุ์ไก่ไข่ จำนวน 25 ตัว ตัวละ200บาท
- ซื้ออุปกรณ์เลี้ยงไก่ไข่จากร้านค้าในชุมชน
- ซื้ออาหารไก่ไข่จากร้านค้าในชุมชน
- นำผลผลิตไข่ไก่สงสหกรณ์โรงเรียนเพื่่อจำหน่ายให้กับโครงการอาหารกลางวัน
ผลผลิต
- เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาชุมชน เขตสะพานสูง 2 คนให้คำแนะนำวิธีการเลี้ยงไก่ไข่แก่นัเรียนแกนนำ
- โรงเรียนเลี้ยงไก่ไข่ 25 โดยมีผลผลิตจากไก่ไข่ ทุกวัน 25 ฟอง
- มีนักเรียนเลี้ยงไก่ไข่ 30 คน มีครูที่ปรึกษา 2 คน
ผลลัพธ์
- นักเรียนมีไข่ไก่ รับประทานในโครงการอาหารกลางวัน
- นักเรียนได้ประสบการณ์จริง ในการปฏิบัติกิจกรรม
- นักเรียนมีความรู้ในเรื่องการเลี้ยงไก่ไข่ และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ 4 โรงเรียนมีการบูรณาการ การเรียนการสอนในกิจกรรม ลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้
- เจ้าหน้้าที่ฝ่ายงานรักษาให้ความรู้การทำปุ๋น้ำชีวภาพแก่นักเรียนสายป. 5
- อธิบายขั้นตอนการทำ วัสดุอุปกรณ์ท่ีใช้และประโยนช์ของน้ำหมักชีวภาพ
- สาธิตการทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ
- นักเรียนลงมือปฏิบัติจริง
- นักเรียนนำน้ำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน ◦เทในลำคลอง ◦ผสมน้ำรดน้ำต้นไม้ ◦ล้างส้วม ◦ล้างพื้นโรงอาหาร ◦เทลงท่อระบายน้ำบ
ผลผลิต
- มีนักเรียนแกนนำในการทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจำนวน 100 คน ครูที่ปรึกษา 5 คน ฝ่ายพัฒนาชุมชน เชตสะพานสูง 2 คน
- มีปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจำนวน 100 ขวด ใช้ทำความสะอาดแทนน้ำยาสารเคมี
ผลลัพธ์
- นักเรียนได้รับความรู้ถงประโบนช์และขั้นตอนในการทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ
- ได้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพแทนน้ำยาท่ีผลมสารเคมี
- นำไปเทในลำคลองทำให้น้ำในลำคลองใสขึ้นและเพิ่ออกซิเจนในน้ำ
- ใช้รดผลสมน้ำรดน้ำต้นไม้ทำให้ต้นไม้เจริญงอกงามดี
- น้ำไปล้างพื้นโรงอาหาร ล้างส้วม ล้างท่อระบายน้ำสะอาดดีไม่มีกลิ่นเหม็น
- นำไปจำหน่ายเพิ่มรายได้
- ศึกษาวิธีการทำน้ำยาล้างจาน
- สำรวจจราคาวัสดุในการทำน้ำยาล้างจานจากร้านค้า
- ซื้อเอ็น 70 เกลือ สับปะรด มะนาว มะกรูด
- แบ่งนักเรียนลงมือปฏิบัติจรงการทำน้ำยาล้างจานร่วมกับแม่ครัว
- นำผลผลิตท่ีได้ส่งสหกรณ์โรงเรียนเพื่อจำหน่ายให้กับโตรงการอาหารกลางวันเพื่อให้แม่ครัวนำไปล้างจาน
กิจกรรมที่ปฎิบัติจริง
จำนวนคน/ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจริง 0 คน
รายละเอียดกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วม
รายละเอียดขั้นตอน กระบวนการ กิจกรรมปฎิบัติจริง
- ศึกษาวิธีการทำน้ำยาล้างจาน
- สำรวจจราคาวัสดุในการทำน้ำยาล้างจานจากร้านค้า
- ซื้อเอ็น 70 เกลือ สับปะรด มะนาว มะกรูด
- แบ่งนักเรียนลงมือปฏิบัติจรงการทำน้ำยาล้างจานร่วมกับแม่ครัว
- นำผลผลิตท่ีได้ส่งสหกรณ์โรงเรียนเพื่อจำหน่ายให้กับโตรงการอาหารกลางวันเพื่อให้แม่ครัวนำไปล้างจาน
ผลผลิต
ผลผลิต 1. นัเรียนที่ทำน้ำยาล้างจาน 10 คน ครูที่ปรึกษา 1 คน 2. ได้น้ำยาล้างจาน 15 ลิตร/ 1ชุด
ผลลัพธ์ 1. น้ำยาล้างจานสมุนไพรมีประสิธิภาพในการล้างจานดี 2. นักเรียนมีความรู้สามารถผลิตน้ำยาล้างจานได้ 3. โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้ในการผลิตน้ำยาสมุนไพร 4. สามารถนำใปใช้ในครัวเรือน 5. สามารถเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว
- พยาบาลสาธารณสุข 68 สะพานสูงให้ความรู้เรื่องสุขบัญญัติ
- สาธฺิตการล้างมือและนักเรียนปฏิบัติตาม
- นักเรียนแปรงฟันหลังอาหาร
พัฒนาศักยภาพบุคคลากรด้านการส่งเสริมการพัฒนาสุขนิสัยให้นักเรียน
- ทำหนังสือเรียนเชิญพยาบาลอนามัย ศูนย์ 68 สะพานสูงให้ความรู้การส่งเสริมการพัฒนาสุขนิสัยแก่นักเรียนด้านการล้างมือ แก่ครู
- ครูทุกคนเข้ารับการอบรม
- พยาบาลอนามัยสาธิตการล้าง 7 ขั้นตอน ครูฝึกปฏิบัติตาม
พยาบาลอนามัย ศูนย์ 68 สะพานสูง เขตสพะานสูง กทม. กำจัดเหาให้นักเรียน
- เจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกอาชีพ เขตสะพานสูง ตัดผมให้แก่นักเรียนผมยาว
ผลผลิต
1. ครูและบุคลากรมีความรู้ความเข้าใจในการพัฒนา สุขนิสัยให้กับนักเรียน
2. นักเรียนที่เป็นเหาได้รับ กำจัดเหาทุกเดือน
3. นัเรียนชายได้ตัดผม
ผลลัพท์
1. นักเรียนได้รับการดูแล ให้มีสุขนิสัยที่ดีมากขึ้น
2. สถิตินักเรียนเป็นเหา เหลือ 1 % ของจำนวนนักเรียนที่เป็นเหา
3. นักเรียนมีทรงผมทรงนักเรียนถูกต้องตามกฎระเบียบ
4. นัเรียนุกคนปฏิบัติการล้างมือที่ถูกต้อง 7 ขั้นตอน
5. ครูได้รับความรู้พัฒนาตนเองเพิ่มขึ้น
- ครูให้ความรู้ แนะนำวิธีการเพาะถั่วงอก พร้อมสาธิต
- ซื้อเมล็ดถั่วเขียว ดินเพาะปลูก ตะกร้าเพาะปลูก
- แบ่งกลุมนักเรียนลงมือปฏิบัติจรงในการเพาะและการดูแลต้นถั่วงอก
- นำถั่วเขียวล้างน้ำให้สะอาด 2-3 ครั้ง
- แช่ถั่วเขียวในน้ำอุ่น ทิ้วไว้ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
- วางตะแกรงในถังและวางตะแกรงในล่อนทับ
- โรยเมล็ดถั่วบนตะแกรงในล่อน
- นำตะแกรงวาทับเมล็ดถั่วเขียวชั้นท่ี 1-3 แล้วปิดตะแกรงด้านบนอีกครั้ง
- เครื่องเพาะจะปล่อยระบบน้ำอัตโนมัติทุก 2 ชั่วโมง
- รอประมาณ 3 วันก็จะได้ถั่วงอกปลอดสารพิษ
- นำผลผลิตส่งสหกรณ์โรงเรียนเพื่อต่อยอดสู่โครงการอาหารกลางวัน
- ผลผลิตบางส่วนขายครู บุคคลากรในโรงเรียน ผู้ปกครอง นักเรียน
ผลผลิต
- นักเรียนจำนวน 100 คนได้รับความรู้ในการเพาะถั่วงอกปลอดสารพิษซึ่งมีครู 6 คนและฝ่านพัฒนาชุมฃนเขสะพานสูง 3 คนให้คำปรึกษา
- ได้ถั่วงอกปลอดสารพิษ 30 กก./ถังในการประกอบอาหารสู่โครงการอาหารกลางวัน
ผลลัพธ์ 1. นักเรียนสามารถเพาะถั่วงอกปลอดสารพิษได้ 2. นักเรียนได้รับประทานอาหารปลอดสารพิษ 3. นักเรียนมีสุขภาพแข็งแรง 4. นักเรียนนำความรู้ในการเพาะถั่วงอกปลอดสารพิษไปต่อยอดในชีวิตประจำวัน 5. นักเรียนมีอาชีพเสริมเพิ่มรายได้แก่ครอบครัว
การให้ความรู้
- ครูนำเสนอความหมายของ การปลูกพืชผักสวนครัว หน้ากระดาน
- แบ่งกลุ่มนักเรียนตามความสมัครใจ กลุ่มละ 5 – 6 คน
- ครูให้นักเรียนในแต่ละกลุ่มระดมความคิดเพื่อบอกความสำคัญของการปลูกผักสวนครัว
- นักเรียนสำรวจผักสวนครัวในท้องถิ่น ที่สามารถนำไปปลูกได้ แล้วเขียนสรุปเป็นผังความคิด
- ครูให้นักเรียนทำใบงานเรื่อง ความหมายและความสำคัญของการปลูกผักสวนครัว
การเตรียมดินปลูกผักปลอดสารพิษ
2.1 วิธีการเตรียมดิน การเตรียมดิน หมายถึง การปรับปรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการ ปลูกพืชแต่ละชนิด การเตรียมดินนั้นมี 2 อย่าง คือ การเตรียมดินแปลงเพาะเพื่อเพาะกล้า และ การเตรียมดินเพื่อปลูก การเตรียมดินเพื่อเพาะกล้าจะต้องเตรียมดินให้ละเอียดมากกว่า และต้องดูแลมากกว่าการเตรียมดินเพื่อปลูกพืช วิธีการเตรียมดินมีขั้นตอนดังนี้- กำจัดวัชพืช โดยเก็บเศษวัสดุต่างๆออกจากหน้าดินให้หมด แล้วใช้จอบถาก หรือมีดฟันหญ้า ถ้าวัชพืชอยู่ลึกต้องใช้เสียมหรือพลั่วมือขุดออก
- กำหนดพื้นที่ปลูก สำหรับแปลงปลูกผักต้องใช้ไม้ปัก 4 มุม โดยวัดความกว้างยาวได้ตามต้องการ
- ขุดดินบริเวณที่กำหนดไว้ ถ้าเป็นแปลงผักควรขุดดินลึกประมาณ 15 เซนติเมตร พลิกดินด้านล่างขึ้นมาด้านบน ตากไว้ให้แห้ง 2-3 วัน แล้วจึงย่อยดินให้ขนาดเล็กลง และเก็บเศษวัชพืชที่ยัง ค้างอยู่ในดินออกทิ้ง
- ตกแต่งร่องให้เป็นรูปทรงตามที่กำหนด พรวนดินอีกครั้ง ถ้าดินเป็นกรดใส่ปูนขาว โรยบางๆผสมคลุกเคล้าพร้อมปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ทิ้งไว้อย่างน้อย 1 สัปดาห์
การปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษ
- เตรียมเมล็ดพันธ์ที่จะลงปลูกให้นักเรียนได้ลงมือทำ
- ครูให้นักเรียนปลูกผักปลอดสารพิษได้แก่ ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง ชะอมมะนาว คะน้า กล้วย โหระพา กระเพรา มะกรูด มะเขือ พริก
- นักเรียนดูแลรักษาพืชผักที่ปลูก รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย
นักเรียนเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ได้จากการปลูก นำส่งโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนและเสริมสร้างรายได้แก่นักเรียนและจำหน่ายไปยังตลาดนัดนักเรียน
ผลผลิต
ผลผลิต
1. นักเรียนปลูกผักสวนครัว 30 คน ครูที่ปรึกษา 2 คน ฝ่ายัฒนาชุมขนเขตสะพานสูง 3 คน
2. ได้ผักสวนครัวปลอดสารพิษในการประกอบอาหารกลางวัน
3. แกนนำนักเรียนได้นำความรู้ในการปลูกพืชสวนครัวไปขยายผลต่อในครอบครัว
ผลลัพธ์ 1. มีสวนครัวปลอดสารพิษสงสหกรณ์โรงเรียนและต่อยอดสู่โครงการอาหารกลางวัน 2. นักเรียนได้นำความรู้ในการปลูกพืชสวนครัวไปขยายผลต่อในครอบครัว 3. โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้ในการปลูกสวนครัวปลอดสารพิษแก่ชุมชน 4. นักเรียนได้รับผักที่มีประโยชน์ไม่มีสารปนเปื้อน
รายละเอียดการเพาะต้นอ่อนทานตะวัน
- ศึกษาวิธีการเพาะต้นอ่อนทานตะวัน
- ซื้อเมล็ดทานตะวัน ดินเพาะปลูก ตะกร้าเพาะปลูก
แบ่งกลุมนักเรียนในการเพาะและการดูแลต้นอ่อน
- เตรียมวัสดุเพาะ ได้แก่ขุยมะพร้าวอ่อน ขี้เถ้าแกลบร่อน กับดินร่วน 1 ต่อ1 ผสมเข้ากัน
- แช่เมล็ดทานตะวันในน้ำอุ่นทิ้งไว้อย่างน้อย 6 ชั่วโมง
- นำเมล็ดทานตะวันห่อด้วยผ้าขาวบางบ่มไว้ประมาณ 2 วัน รากออกเป็นตุ่มขาว ๆ
- นำวัสดุใส่ตะกร้าที่มีรูตาถี่ ๆ ประมาณ 3/4 ของภาชนะ
- โรยเมล็ดทานตะวันแล้วเกลี่ยให้ทั่ว โรยขุยมะพร้าวเกลี่ยให้ทั่วอีกครั้งนำไปวางไว้ในที่ร่ม
- รดน้ำทุกวันเมื่อต้นอ่อนทานตะวันเจริญเติบโดประมาณ 4-5 วันสามารถตัดผลผลิตได้
นำผลผลิตท่ีได้นำส่งสหกรณ์โรงเรียนเพื่อจำหน่ายให้แก่โครงการอาหารกลางวัน
ผลผลิต
ผลผลิต
-นักเรียนจำนวน 100 คน เข้าร่วมกิจกรรมคิดเป็นร้อยละ 50
-ครูและบุคลากรจำนวน 2 คน เข้าร่วมกิจกรรมคิดเป็นร้อยละ 100
-จัดทำเพาะต้นอ่อนทานตะวันจำนวน 10 ถาด
ผลลัพธ์
1.ได้ต้นอ่อนทานตะวันจำนวน 20 กิโลกรัม
2. นักเรียนได้รับประทานต้นอ่อนทานตะวันปลอดสารพิษ
3. นักเรียนแกนนำที่รับผิดชอบในการเพาะต้นอ่อนทานตะวันมีความรู้ทักษะในการเพาะต้นอ่อนทานตะวันและสามารถนำไปเพาะได้ด้วยต้นเองร้อยละ 85
4. นักเรียน ครู ผู้ปกครองมีความพึงพอใจร้อยละ 80
- ประชุมครูเพื่อนำเสนอแนวทางการดำเนินงานของโครงการศูนย์การเรียนรู้เด็กไทยแก้มใส
- หน้าสายประชุมเพื่อทำกำหนดการสอนโดยบูรณาการ 8 กลุ่มสาระ
- ร่วมกันแบ่งเนื้อหาในแต่ละสายชั้นโดยให้สอดคล้องกับกิจกรรมการเกษตรในโรงเรียน
- สายป.1-2 เรียนเรื่อง ถั่วงอก
- สายป.3-4 เรียนเรื่อง ต้นอ่านทานตะวัน
- สายป.5-6 เรียนเรื่อง ผักไฮโดรโปรนิกส์ น้ำสมุนไพร
- สายมัธยม เรียนเรื่อง การเลี้ยงปลาดุก ผักสวนครัว
- สายป.1-2 เรียนเรื่อง ถั่วงอก
- ครูแต่สายจัดทำแผนกจัดการเรียนรู้บูรณาการพร้อมแบบฝึก
- นักเรียนลงมือปฏิบัติจริง
- เผยแพร่และขายผลสูโรงเรียนเครือข่าย
- จัดนิทรรศการท่ีโรงแรมเซียรังสิต ปาร์ค
ผลผลิต
คณะครูสายอนุบาล - สายมัธยมศึกษา ร่วมกันทำแผนจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการสอนเกษตร โภชนา การและสุขภาพอนามัย จำนวน 8 แฟ้ม
ผลลัพท์
1. นักเรียนมีความรู้ความ เข้าใจเกี่ยวกับเกษตร โภชนาการ และ การดูแลสุขภาพอนามัย
2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการ ปฏิบัติตนให้มีสุขภาพอนามัยที่ดี
3. โรงเรียนมีการเผยแพร่และขยายผลสู่โรงเรียนใกล้เคียงและชุมชนหรือผู้ปกครองนักเรียน
4. ครูมีแผนจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ
5. นักเรียนนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
- ประชุมกรรมการสถานศึกษาร่วมกันวางแผนการดำเนินงานของศูนย์การเรียนรู้โครงการโรงเรียนเด็กไทยแก้มใส
- ประชุมเครือข่ายผู้ปกครองร่วมกันดำเนินการดำเนินงานของศูนย์การเรียนรู้โครงการโรงเรียนเด็กไทยแก้มใส
- ประชุมผู้ปกครองร่วมกันดำเนินการดำเนินงานของศูนย์การเรียนรู้โครงการโรงเรียนเด็กไทยแก้มใส
- ประชุมขยายผลเครือข่ายครูเกษตรของแต่ละโรงเรียนในเขตสะพานสูง
- จัดเลี้ียงอาหารว่างและอาหารกลาวัน
ผลผลิต
- กรรมการสถานศึกษา10 คน ร่วมกันวางแผนการดำเนินงานของศูนย์การเรียนรู้โครงการโรงเรียนเด็กไทยแก้มใส
- เครือข่ายผู้ปกครอง 20 คนร่วมกันวางแผนดำเนินการดำเนินงานของศูนย์การเรียนรู้โครงการโรงเรียนเด็กไทยแก้มใส
- ผู้ปกครองนักเรียน 60 คนร่วมกันวางแผนดำเนินการดำเนินงานของศูนย์การเรียนรู้โครงการโรงเรียนเด็กไทยแก้มใส
- ครูเกษตรของแต่ละโรงเรียนและคณะครู 10 คนในเขตสะพานสูงเข้าใจแนวทางการปฏิบัติการดำเนินงานของศูนย์การเรียนรู้โครงการโรงเรียนเด็กไทยแก้มใส
ผลลัพธ์
- กรรมการสถานศึกษาเครือข่ายผู้ปกครองผู้ปกครองนักเรียน เข้าใจวิธี แนวทางการปฏิบัติการดำเนินงานของศูนย์การเรียนรู้โครงการโรงเรียนเด็กไทยแก้มใส พร้อมทั้งให้คำแนะนำ
- ครูเกษตรของแต่ละโรงเรียนและคณะครู ในเขตสะพานสูงเป็นเครือข่ายของศูนย์การเรียนรู้โครงการโรงเรียนเด็กไทยแก้มใส
- เชิญวิทยากรบรรยาย การทำกล้วยฉาบ และการทำสลัดโรล
- นักเรียนสายชั้นประถมศึกษาปีที่5 - มัธยมศึกษาเข้าฟังบรรยายการทำกล้วยฉาบ และการทำสลัดโรล
- แบ่งกลุ่มนักเรียนร่วมกิจกรรมปฏิบัติจริงโดยมีครูเป็นพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำ
- ผลผลิตเข้าสหกรณ์โรงเรียนเพื่อจำหน่าย
- นำผลงานไปสาธิตและจำหน่ายในการออกร้านที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร
- สาธิตให้คณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนจังหวัดยะลาที่มาดูงานศูนย์การเรียนรู้โรงเรียนเด็กไทยแก้มใสโรงเรียนสุเหร่าซีรอ (ราษฎร์สามัคคี)
ผลผลิต นักเรียนสายชั้นประถมศึกษาปีที่5 - มัธยมศึกษาจำนวน 100 คน ครู 10 คนโดยมีวิทยากรภูมปัญญาท้องถิ่นให้ความรู้ข้ากิจกรรม
ผลลัพทธ์ 1. โรงเรียนเป็นศูนย์การเรียนรู้การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากการเกษตร 2. โรงเรียนมีผลผลิตกล้วยฉาบ และการทำสลัดโรลส่งสหกรณ์โรงเรียน 3. โรงเรียนป็นแห่งเรียนรู้ด้านเกษตรแก่ชุมชน 4. นักเรียนสามารถนำความรู้ท่ีได้รับไปต่อยอดทำขายเพื่อเพิ่มรานได้แก่ครอบครัว
- ศึกษาวิธีการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์
- ครูอธิบายวิธีการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ 2.1 เตรียมฟองน้ำ
ผลผลิต
การเกษตรในโรงเรียนในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งสามารถใช้พื้นที่ในการให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างเหมาะสมกับปัจจัยแวดล้อมและบริบทของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร โดยการปลูกผักผักไฮโดรโปรนิกส์ ไว้หน้าระเบียง เพื่อง่ายต่อการศึกษา ดูแล เก็บเกี่ยว และเป็นแหล่งเรียนรู้ใกล้ห้องเรียน อีกทั้งยังทำให้สภาพแวดล้อม บรรยากาศการเรียน และอาคารเรียนมีความสร้างสรรค์ สวยงาม 1. นักเรียนรับผิดชอบปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ปลอดสารพิษ จำนวน 100คน ครูที่ปรึกษา 2 คน เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาชุมชน 2 คน 2. ได้ผักไฮโดรโปรนิกส์ปลอดสารพิษในการประกอบอาหาร
ผลสัพธ์ 1. นักเรียนมีความรู้ ทักษะในการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ สามารถขยายผลสู่เครือข่ายได้ 2. นักเรียนนำผลผลิตส่งสหกรณ์โรงเรียนเพื่อต่อยอดสู่โครงการอาหารกลางวัน และจำหน่ายให้ผู้ปกครอง บุคคลากรในโรงเรียน 3. นักเรียนนำความรู้ และประสบการณ์ท่ีได้รับไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ 4. เป็นอาชีพเสริมเพ่มรายได้แก่ครอบครัว
- จักตกแต่งห้องพยาลให้ได้มาตรฐาน
- ทำฝ้าเพดานห้อง
- เพิ่มแสงสว่างติดไฟดาวไลท์
- ปูกระเบื้องห้องพยาบาล
- สำรวจวัสดุอุปกรณ์ ยาสามัญประจำบ้านหมออายุหรือไม่
- ซื้อยาวัสดุอุปกรณ์ ยาสามัญประจำบ้านเพิ่ม และแจกตามสายชั้นเรียนโดยให้หัวหน้าสายรับผิดชอบ
- จัดทำไวนิวเสริมความรู้
- จัดซื้อผ้าปูที่นอน หมอนพร้อมปลอกหมอนเพิ่ม
ผลผลิต
- ห้องพยาบาลสะอาด สวยงาม ได้มาตรฐาน
- จัดซื้อยาสามัญประจำบ้าน จำนวน 20 ขุด
- ทำป้ายไวนิลตกแต่งจำนวน 8 ป้าย
ผลลัพท์
- โรงเรียนมีห้องพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
- ห้องพยาบาลมียาสามัญประจำบ้านที่มีคุณภาพ
- ห้องพยาบาลเป็นแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียน
- ครูประจำชั้นให้ความรู้บูรณการในวิชาสุขศึกษา เรื่องการล้างมือ สุขบัญญัติ 10 ประการ การใช้ช้อนกลาง การแปรงฟัน การอาบน้ำสระผม
- ครูตรวจสุขภาพ เล็บ เหาผม ฟันนักเรียน
- นักเรียนแกนนำอสม. ทำการตรวจเหา แลใส่ยากำจัดเหา
- ครูและนักเรียนแกนนำช่วยกันทำน้ำยาล้างมือและนำยากำจัดเหาสมุนไพรมะกรูด
- เจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกอาชีพ แผนกการตัดผม สำนักงานเขตสะพานสูง ทำการตัดผมให้นักเรียน
ผลผลิต
- มีนักเรียนแกนนำจำนวน 10 คน ตรวจเหานักเรียน พยาบาอนามัย จำนวน 5 คนตรวจสุขภาพ ตรวจเหา
- เจ้าหน้าที่ศูนย์ฝึกอาชีพ เขตสะพานสูง จำนวน 20 คน แผนกการตัดผม สำนักงานเขตสะพานสูงร่วมกิจกรรมตัดผมให้นักเรียน
- ทำยากำจัดเหาสมุนไพร
ผลลัพธ์
- นักเรียนได้รับความรู้จากการเรียนวิชาสุขศึกษานำมาต่อยอดดูแลสุขภาพเพื่่อน ๆ และน้อง ๆได้
- ได้ผลิตภัณฑ์น้ำยากจัดเหาสมุนไพรแทนน้ำยากำจัดเหาท่ีผสมสารเคมี
- นัเรียนผมสั้นถูกระเบียบของโรงเรียน
- เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาชุมชน สำนักงานเขตสะพานสูงให้ความรู้นักเรียนแกนนำในการเลี้ยงปลาดุกในบ่อดินและในวงซีเมนท์
- เตรียมสถานที่ อถปกรณ์วัสดุและอาหาร ในการใช้เลี้ยงปลาดุกในบ่อดินและในบ่อวงซีเมนท์
- ซื้อพนธ์ปลาดุกที่มีความแข็งแรงและไม่เล็กเกินไปขนาดประมาณ 2 นิ้ว ปลาดุกรัสเซีย 100 ตัวๆละ 3 บาท เป็นเงิน 300 บาท
- ซื้ออาหารปลาเล็ก 2 กระสอบ ๆละ 480 บาท เป็นเงิน 950 บาท
- ซื้ออาหารปลาโต 2 กระสอบ ๆ ละ 520 บาท เป็นเงิน 1,040 บาท
- ซื้อตาข่ายปิดปากบ่อ 10 เมตร ๆ ละ 20 บาท เป็นเงิน 200 บาท
- เจ้าหน้าท่ีฝ่านพัฒนาชุมชน สำนักงานเขตสะพานสูงอธิบาย การล้างบ่อซีเมนท์ และระดับน้ำในการเลี้ยงปลาดุกต้องมีการถายเทน้ำให้สะอาดไม่ให้น้ำขุ่น เพราะถ้าน้ำขุ่นหรือสกปรกจะเกิดขึ้นจากอาหารตกค้างจะทำให้ปลาดุกตายได้อาการจากคุณภาพน้ำไม่ดีจะสังเกตได้จากปลาท่ีว่ายน้ำขึ้นลงเร็วหว่าปกติ และจะลอยอยู่เหนือน้ำ เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าน้ำกำลงสกกปรกควรเปลี่ยนน้ำทันที
- นักเรียนลงมือปฏิบัติจริง
- นำผลผลิตปลาดุกส่งสหกรณ์โรงเรียนเพื่อต่อยอดสู่โครงการอาหารกลางวันต่อไป
ผลผลิต
- ผลผลิตปลาดุกจำนวน 500ตัว
- นักเรียนแกนนำ 100 คน ได้รับความรู้การเลี้ยงปลาดุกในบ่อดินและบ่อวงซีเมนท์ จากเจ้าหน้าที่ 3 คน จากฝ่ายพัฒนาชุมชน เขตสะพานสูง
ผลลัพท์
- นักเรียนแกนนำมีความรู้และทักษะในการเลี้ยงปลาดุกในบ่อดินและบ่อวงซีเมนท์
- นักเรียนแกนนำได้ลงมือปฏิบัติในการเลี้ยงปลาดุกในบ่อดินและบ่อวงซีเมนท์
- โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้การเลี้ยงปลาดุกในบ่อวงซีเมนท์แก่ชุมชน
- นำผลผลิตปลาดุกส่งสหกรณ์โรงเรียนเพื่อต่อยอดสู่โครงการอาหารกลางวันต่อไป
การทดสอบสมรรถภาพและการออกกำลังกาย
- ครูพลศึกษาทดสอบสมรรถภาพนักเรียนปีละ 1ครั้ง
- นักเรียนที่มีภาวะทุพโภชนาน้ำหหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน) ออกกำลังกายโดยปั่นจักรลดพุง
- นักเรียนที่ภาวโภชนาการน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน)ออกกำลังกายก่อนเรียนวิชาพลศึกษา
- นักเรียนออกกำลังกายยามเช้าก่อนเข้าเรียนทุกวันพุุธ
- พยาบาลศูนย์สาธารสุข 68 สะพานสูงได้ตรวจสุภาพนักเรียนทุกคน
- ปรับปรุงห้องพยาบาลให้ได้มาตรฐาน
ผลผลิต
- ทดสอบสมรรถภาพนักเรียนปีละ 1 ครั้ง
- นักเรียนที่มีภาวะโภชนาการน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน)ทำกิจกรรมออกกำลังกายเด็กไทยไร้พุง
- พยาบาลศูนย์สาธารสุข 68 สะพานสูงได้ตรวจสุภาพนักเรียนทุกคน
- ปรับปรุงห้องพยาบาลให้ได้มาตรฐาน
ผลลัพธ์
- นักเรียนมีสุขภาพแข็งแรงผ่านการทดสอบ
- นักเรียนที่มีภาวะโภชนาการน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน) ลดลง
- นักเรียนสุขภาพแข็งแรง
- ห้องพยาบาลได้มาตรฐาน สวยงาม สะอาดและส่งเสริมความรู้
- ประชุมครูเพื่อนำเสนอแนวทางการดำเนินงานของโครงการศูนย์การเรียนรู้เด็กไทยแก้มใส
- หน้าสายประชุมเพื่อทำกำหนดการสอนโดยบูรณาการ 8 กลุ่มสาระ
3แบ่งเนื้อหาในแต่ละสายชั้นโดยให้สอดคล้องกับกิจกรรมการเกษตรในโรงเรียน
- สายป.1-2 เรียนเรื่อง ถั่วงอก
- สายป.3-4 เรียนเรื่อง ต้นอ่านทานตะวัน
- สายป.5-6 เรียนเรื่อง ผักไฮโดรโปรนิกส์ น้ำสมุนไพร
- สายมัธยม เรียนเรื่อง การเลี้ยงปลาดุก ผักสวนครัว
- สายป.1-2 เรียนเรื่อง ถั่วงอก
- ครูแต่สายจัดทำแผนกจัดการเรียนรู้บูรณาการพร้อมแบบฝึก
- นักเรียนลงมือปฏิบัติจริงการทำโครงงาน
- ทำโครงงานทำน้ำยากำจัดเหา โครงงานขมนปุยฝ้าย โครงงานทำยาดมสมุนไพร โครงงานการเพาถั่วงอก ต้นอ่อนทานตะวัน
- เผยแพร่และขายผลสูโรงเรียนเครือข่าย
จัดนิทรรศการท่ีโรงแรมเซียรังสิต ปาร์ค มหาวิทยาลัยศรีนครินทรืวิโรฒประสานมิตร
ร่วมกันแบ่งเนื้อหาในแต่ละสายชั้นโดยให้สอดคล้องกับกิจกรรมการเกษตรในโรงเรียน 3.1 สายป.1-2 เรียนเรื่อง ถั่วงอก
3.2 สายป.3-4 เรียนเรื่อง ต้นอ่านทานตะวัน 3.3 สายป.5-6 เรียนเรื่อง ผักไฮโดรโปรนิกส์ น้ำสมุนไพร 3.4 สายมัธยม เรียนเรื่อง การเลี้ยงปลาดุก ผักสวนครัว- ครูแต่สายจัดทำแผนกจัดการเรียนรู้บูรณาการพร้อมแบบฝึก
- นักเรียนลงมือปฏิบัติจริง
- เผยแพร่และขยายผลสูโรงเรียนเครือข่าย
- จัดนิทรรศการท่ีโรงแรมเซียรังสิต ปาร์ค
ผลผลิต นักเรียนทำโครงงานทำน้ำยากำจัดเหา โครงงานขมนปุยฝ้าย โครงงานทำยาดมสมุนไพร โครงงานการเพาถั่วงอก ต้นอ่อนทานตะวัน รวม 5 โครงการ ซึ่งมีครูเป็นที่ปรึกษา 5 คน ผลลัพธ์ 1. มีแผนจัดการเรียนรู้การเกษตร โภชนาการและสุขภาพเพื่อประกอบการเรียนการสอนนักเรียน 2. มีโครงงานด้านการเกษตร โภชนาการและสุขภาพ 3. นักเรียนรู้จักคิด แก้ปัญหา อย่างเป็นระบบ 4.ได้ขยายเครือข่ายและจัดนิทรรศการ
- ชั่งนำหนัก-วัดส่วนสูงนักเรียนทุกคนบันทึกในสมุดบันทึกน้ำหนัก-วัดส่วนสูงภาคเรียนละ 2 ครั้ง
- นำข้อมูลน้ำหนัก-ส่วนสูงไปวิเคราะห์เปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของกรมอนามัย
- บันทึกรายชื่อนักเรียนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน)และน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน(ผอม)
- นักเรียนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน)และน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน(ผอม)ทำกิจกรรมเด็กไทยไร้พุง
- ให้ความรู้ผู้ปกครอง นักเรียนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน)และน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน(ผอม)ในการดำเนินชีวิตประจำวัน
ผลผลิต
ปีการศึกษา 2559 ภาคเรียนที่ 2 เมื่อเปรียบเทียบ ปรากฎว่า
1. เตี้ย ลดลง 0.22
2. ผอม ลดลง 0.71
3. อ้วน เพิ่มขึ้น 1.23
4. อ้วน-เริ่มอ้วน เพิ่มขึ้น 1.37
ผลลัพธ์ 1. ได้รับทราบจำนวนนักเรียนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน)และน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน(ผอม) 2. นักเรียนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน (อ้วน)และน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน(ผอม)ได้รับการช่วยเหลือเข้าร่วมกิจกรรมเด็กไทยไร้พุงเพื่อให้มีจำนวนลดน้อยลงและมีน้ำได้เกณฑ์มาตรฐาน 3. ผู้ปกครอง และนักเรียนท่ีมีปัญหาภาวะทุพโภชนการได้รับความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัตนในชีวิตประจำวัน การเลือกรับประทานอาหาร การดูแลสุขภาพ
- เชิญวิทยากรบรรยาย
- นักเรียนสายชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 เข้าฟังบรรยาย
- แบ่งกลุ่มนักเรียนร่วมกิจกรรมปฏิบัติจริงโดยมีครูเป็นพ่ีเลี้ยงคอยให้คำแนะนำ
- ผลผลิตเข้าสหกรณ์เพื่อจำหน่าย
ผลผลิต
- นักเรียนจำนวน 30 เข้าอบรมการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายในครัวเรือน
วิทยากร 2 คนให้ความรู้ ทำดอกไม้พลาสติก และยาดมสมุนไพร
ผลลัพธ์นักเรียนได้รัยความรู้ในการทำบัญชีในครัวเรือน
- นักเรียนได้รับความรู้ในการทำดอกไม้พลาสติก และยาดมสมุนไพร
- เป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ต่อครอบครัว
เจ้าหน้าท่ีฝ่ายพัฒนาชุมชน เขตสะพานสูง ให้ความรู้ คำแนะนำศึกษาวิธีการเพาะเห็นนางฟ้าดังนี้
- ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเห็ดการวางก้อนเชื้อในลักษณะแนวนอนโดยวางเรียงต่อกันเป็นแนวและวางซ้อนกันเป็นชั้นๆ
- การเปิดดอก โดยเปิดจุกและสำลีจากคอขวดออกและพับปากถุงให้เหมือนเดิมกับตอนที่ยังมีจุกคอขวดอยู่เพื่อจะทำให้เก็บดอกเห็ดได้ง่าย
- การรดน้ำ ควรพ่นให้ผิวหน้าของก้อนเชื้อชื้นก็พอ เพราะจะทำให้ก้อนเชื้อมีเชื้อราจะเน่าเสียเร็ว การรดน้ำประมาณวันละ 3-4 ครั้งแล้วแต่สภาพอากาศ
- การเก็บดอกเห็ดและการทำความสะอาดหน้าก้อนเห็ด เมื่อเห็ดออกดอกและบานจนได้ขนาดที่ต้องการแล้วเก็บดอกโดยจับที่โคนดอกทั้งช่อโยกซ้ายขวาบนล่างแล้วดึงออกจากถุงเห็ด ระวังอย่าให้ถุงเห็ดบาน ถ้าโคนเห็ดขาดอยู่ให้แคะออกเพื่อป้องกันการเน่าเสีย การทำความสะอาดก้อนเชื้อทำได้โดยเขี่ยเศษเห็ดที่ติดอยู่ข้างในถุงออกให้หมด และงดให้น้ำ 3 วันถ้าก้อนเห็ดมีเชื้อราให้นำออกทันที
เจ้าหน้าท่ีฝ่ายพัฒนาชุมชน เขตสะพานสูงสาธิต นักเรียนลงปฏิบัติจริง
- สำรวจราคาพันธุ์เห็ดนางฟ้าตามร้านค้า
- ซื้้อพันธุ์เห็นางฟ้า
- แบ่งกลุ่มนักเรียนรับผิดชอบในการเพาะเห็ดนางฟ้าและดูแลบำรุงรักษา 6.นำผลผลิตเห็ดนางฟ้าส่งสหกรณ์โรงเรียน เพื่อจำหน่ายให้แก่โครงการอาหารกลางวัน
ผลผลิต
- นักเรียนจำนวน 30 คน มีความรู้ มีทักษะในการเพาะเห็ดนางฟ้า
- นักเรียนจำนวน 30 คน นำความรู้และทักษะไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
- นักเรียนแกนนำจำนวน 30 คน ขยายผลความรู้แก่เพื่อนนักเรียนในเรื่องการเพาะเห็ดนางฟ้าได้
ผลผลัพธ์
- โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้การเพาะเห็ดนางฟ้าให้กับโรงเรียน และชุมชน
- โรงเรียนมีผลผลิตเห็ดนางฟ้านำไปใช้ประกอบอารหารในโครงการอาหารกลางวันสำหรับนักเรียนทั้งโรงเรียน
- โรงเรียนสามารถเชื่อมโยงและบูรณาการการเพาะเห็ดนางฟ้าเข้ากับวิชาเรียนเกษตร กลุ่มสาระการงานอาชีพฯ และจัดการเรียนรู้ให้กับนักเรียนทุกระดับชั้น
- นักเรียนมีทักษะชีวิตและทักษะการทำงานร่วมกัน
- ครูและนักการภารโรงซ่อมแซมศูนย์การเรียนรู้เศรฐกิจพอเพียงดังนี้
- ซ่อมแซมหลังคา
- ซ่อมแซมพื้น
- ปรับภูมิทัศน์ศูนย์การเรียนรู้เศรฐกิจพอเพียงโดยงานฝ่ายรักษา เขตสะพานสูง
- จัดทำป้ายไวนิวฐานการเรียนรู้
- จัดซื้อวัสดุอุปกรณ์จากร้านค้าในชุมชน
ผลผลิต
1. ครูและนักการภารโรงทำการสร้างและซ่อมแซมศูนย์การเรียนรู้เศรฐกิจพอเพียง 2. ครู นักการภารและฝ่ายรักษา เขตสะพานสูงช่วยปรับภูมิทัศน์ศูนย์การเรียนรู้เศรฐกิจพอเพียง 3. มีฐานการเรียน 8 ฐาน
ผลลัพธ์ 1. นักเรียนศึกษาค้นคว้าเรียนรู้จากฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ 2. เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรของนักเรียนและชุมชน
ศึกษาวิธีการปลูกมะนาวในวงซีเมนท์
- เจ้าหน้าท่ีฝ่ายพัฒนาชุมชนเขตสะพานสูงให้ความรู้การปลูกมะนาว
- พันธุ์มะนาว
- วิธีการปลูกมะนาว
- โรคที่เกี่่ยวกับมะนาว
- การดูแลรักษาต้นมะนาว
สอบถามราคาต้นมะนาวตามร้านค้า
- ซื้อต้นพันธ์มะนาว
- ซื้อวงซีเมนท์พร้อมฝาซีเมนท์
- ซื้อดินผสมในการปลูต้นมะนาว
- แบ่งนักเรียนช่วยกันปลูกต้นมะนาวและดูแลบำรุงรักษา 7.นำผลผลิตมะนาวส่งสหกรณ์โรงเรียนเพื่อจำหน่ายให้แก่โครงการอาหารกลางวัน
ผลผลิต
- เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาชุมชน เขตสะพานสูง 2 คน ให้ความรู้การปลูกมะนาว
- นักเรียน 30 คนรับผิดชอบดูแล รดน้ำ พรวนดิน ซึ่งมีครู 2 คนเป็นที่ปรึกษา
ผลลพธ์
- นักเรียนได้รับความรู้วิธีการปลูกมะนาวในวงซีเมนท์
- ได้ผลผลิตมะนาวส่งขายสหกรณ์โรงเรียนส่งต่อยอดสู่โครงการอาหารกลางวัน
- เป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้
- นำความรู้ท่ีได้รับจากโรงเรียนไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
- เจ้าหน้้าท่ีฝ่ายงานรักษาให้ความรู้การทำปุ๋น้ำชีวภาพแก่นักเรียนสายป. 5
- อธิบายขั้นตอนการทำ วัสดุอุปกรณ์ท่ีใช้และประโยนช์ของน้ำหมักชีวภาพ
- สาธิตการทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ
- นักเรียนลงมือปฏิบัติจริง
- นักเรียนนำน้ำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน
- เทในลำคลอง
- ผสมน้ำรดน้ำต้นไม้
- ล้างส้วม
- ล้างพื้นโรงอาหาร
- เทลงท่อระบายน้ำ
ผลผลิต
- มีนักเรียนแกนนำในการทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจำนวน 100 คน ครูที่ปรึกษา 5 คน ฝ่ายพัฒนาชุมชน เชตสะพานสูง 2 คน
- มีปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพใช้ทำความสะอาดแทนน้ำยาสารเคมี
ผลลัพธ์
- นักเรียนได้รับความรู้ถงประโบนช์และขั้นตอนในการทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ
- ได้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพแทนน้ำยาท่ีผลมสารเคมี
- นำไปเทในลำคลองทำให้น้ำในลำคลองใสขึ้นและเพิ่ออกซิเจนในน้ำ
- ใช้รดผลสมน้ำรดน้ำต้นไม้ทำให้ต้นไม้เจริญงอกงามดี
- น้ำไปล้างพื้นโรงอาหาร ล้างส้วม ล้างท่อระบายน้ำสะอาดดีไม่มีกลิ่นเหม็น
- นำไปจำหน่ายเพิ่มรายได้
การให้ความรู้
- ครูนำเสนอความหมายของ การปลูกพืชผักสวนครัว หน้ากระดาน
- แบ่งกลุ่มนักเรียนตามความสมัครใจ กลุ่มละ 5 – 6 คน
- ครูให้นักเรียนในแต่ละกลุ่มระดมความคิดเพื่อบอกความสำคัญของการปลูกผักสวนครัว
- นักเรียนสำรวจผักสวนครัวในท้องถิ่น ที่สามารถนำไปปลูกได้ แล้วเขียนสรุปเป็นผังความคิด
- ครูให้นักเรียนทำใบงานเรื่อง ความหมายและความสำคัญของการปลูกผักสวนครัว
การเตรียมดินปลูกผักปลอดสารพิษ
2.1 วิธีการเตรียมดิน การเตรียมดิน หมายถึง การปรับปรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการ ปลูกพืชแต่ละชนิด การเตรียมดินนั้นมี 2 อย่าง คือ การเตรียมดินแปลงเพาะเพื่อเพาะกล้า และ การเตรียมดินเพื่อปลูก การเตรียมดินเพื่อเพาะกล้าจะต้องเตรียมดินให้ละเอียดมากกว่า และต้องดูแลมากกว่าการเตรียมดินเพื่อปลูกพืช วิธีการเตรียมดินมีขั้นตอนดังนี้- กำจัดวัชพืช โดยเก็บเศษวัสดุต่างๆออกจากหน้าดินให้หมด แล้วใช้จอบถาก หรือมีดฟันหญ้า ถ้าวัชพืชอยู่ลึกต้องใช้เสียมหรือพลั่วมือขุดออก
- กำหนดพื้นที่ปลูก สำหรับแปลงปลูกผักต้องใช้ไม้ปัก 4 มุม โดยวัดความกว้างยาวได้ตามต้องการ
- ขุดดินบริเวณที่กำหนดไว้ ถ้าเป็นแปลงผักควรขุดดินลึกประมาณ 15 เซนติเมตร พลิกดินด้านล่างขึ้นมาด้านบน ตากไว้ให้แห้ง 2-3 วัน แล้วจึงย่อยดินให้ขนาดเล็กลง และเก็บเศษวัชพืชที่ยัง ค้างอยู่ในดินออกทิ้ง
- ตกแต่งร่องให้เป็นรูปทรงตามที่กำหนด พรวนดินอีกครั้ง ถ้าดินเป็นกรดใส่ปูนขาว โรยบางๆผสมคลุกเคล้าพร้อมปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ทิ้งไว้อย่างน้อย 1 สัปดาห์
การปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษ
- เตรียมเมล็ดพันธ์ที่จะลงปลูกให้นักเรียนได้ลงมือทำ
- ครูให้นักเรียนปลูกผักปลอดสารพิษได้แก่ ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง ชะอมมะนาว คะน้า กล้วย โหระพา กระเพรา มะกรูด มะเขือ พริก
- นักเรียนดูแลรักษาพืชผักที่ปลูก รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย
นักเรียนเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ได้จากการปลูก นำส่งโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนและเสริมสร้างรายได้แก่นักเรียนและจำหน่ายไปยังตลาดนัดนักเรียน
ผลผลิต
1. นักเรียนปลูกผักสวนครัว 30 คน ครูที่ปรึกษา 2 คน ฝ่ายัฒนาชุมขนเขตสะพานสูง 2 คน
2. ได้ผักสวนครัวปลอดสารพิษในการประกอบอาหารกลางวัน
3. แกนนำนักเรียนได้นำความรู้ในการปลูกพืชสวนครัวไปขยายผลต่อในครอบครัว
ผลลัพธ์
- มีสวนครัวปลอดสารพิษสงสหกรณ์โรงเรียนและต่อยอดสู่โครงการอาหารกลางวัน
- นักเรียนได้นำความรู้ในการปลูกพืชสวนครัวไปขยายผลต่อในครอบครัว
- โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้ในการปลูกสวนครัวปลอดสารพิษแก่ชุมชน
- นักเรียนได้รับผักที่มีประโยชน์ไม่มีสารปนเปื้อน
- ศึกษาวิธีการทำน้ำยาล้างจาน
- สำรวจจราคาวัสดุในการทำน้ำยาล้างจานจากร้านค้า
- ซื้อเอ็น 70 เกลือ สับปะรด มะนาว มะกรูด
- แบ่งนักเรียนลงมือปฏิบัติจรงการทำน้ำยาล้างจานร่วมกับแม่ครัว
- นำผลผลิตท่ีได้ส่งสหกรณ์โรงเรียนเพื่อจำหน่ายให้กับโตรงการอาหารกลางวันเพื่อให้แม่ครัวนำไปล้างจาน
ผลผลิต 1. นัเรียนที่ทำน้ำยาล้างจาน 10 คน ครูที่ปรึกษา 1 คน 2. ได้น้ำยาล้างจาน 15 ลิตร/ 1ชุด
ผลลัพธ์ 1. น้ำยาล้างจานสมุนไพรมีประสิธิภาพในการล้างจานดี 2. นักเรียนมีความรู้สามารถผลิตน้ำยาล้างจานได้ 3. โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้ในการผลิตน้ำยาสมุนไพร 4. สามารถนำใปใช้ในครัวเรือน 5. สามารถเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว
- ส่งรายชื่อนักเรียนแกนนำสายชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 เข้าอบรม อย. น้อย
- เจ้าหน้าท่ีจากสำนักงานเขตสะพานสูงฝ่ายสุขาภิบาลอาหารให้ความรู้
- เจ้าหน้าท่ีสาธิตครวจรปนเปื้อนในอาหาร
- นักเรียนแกนนำลงมือปฏิบัติจริงในการตตวจสารปนเป้ือนจากอาหาร
- เจ้าหน้าท่ีจากสำนักงานเขตสะพานสูงมอบเครื่องครวจรปนเปื้อนเบื้องต้นแก่ทางโรงเรียน
- นักเรียนแกนนำตรวจสารปนเปื้อนจากอาหารทุกเดือน พร้อมรายงานส่งเขต
ผลผลิต
- นักเรียนแกนนำสายชั้นประถมศึกษาปีท่ี 5 เข้าอบรม อย. น้อยจาเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตสะพานสูงฝ่ายสุขาภิบาลอาหาร จำนวน 15 คน
- เจ้าหน้าท่ีจากสำนักงานเขตสะพานสูงฝ่ายสุขาภิบาลอาหารให้ความรู้ พร้อมสาธิตการครวจรปนเปื้อนเบื้องต้น 5ด้าน
ผลลัพธ์
- นักเรียนได้รัความรู้เกี่ยวกับประเภทของสารปนเปื้อนในอาหารและวิธีตรวจสารปนเปื้อนในอาหาร ร้อยละ 100
- นักเรียนแกนนำมีความรู้ทักษะและสามารถตรวจสารปนเปื้อนจากอาหารได้ร้อยละ 100
- นักเรียนแกนนำตรวจสารปนเปื้อนจากอาหาร ทุกเดือน พร้อมรายงานส่งเขตทุกเดือน
- เจ้าหน้าท่ีฝ่ายพัฒนาชุมชน เขตสะพานสูง ให้ความรู้ แนะนำวิธีการเพาะถั่วงอก พร้อมสาธิต
- ซื้อเมล็ดถั่วเขียว ดินเพาะปลูก ตะกร้าเพาะปลูก
- แบ่งกลุมนักเรียนลงมือปฏิบัติจรงในการเพาะและการดูแลต้นอ่อน
- นำถั่วเขียวล้างนำ้ให้สะอาด 2-3 ครั้ง
- แช่ถั่วเขียวในนำ้อุ่น ทิ้วไว้ประมาณ 6-8 ชั่วโมง
- วางตะแกรงในถังและวางตะแกรงในล่อนทับ
- โรยเมล็ดถั่วบนตะแกรงในล่อน
- นำตะแกรงวาทับเมล็ดถั่วเขียวชั้นท่ี 1-3 แล้วปิดตะแกรงด้านบนอีกครั้ง
- เครื่องเพาะจะปล่อยระบบน้ำอัตโนมัติทุก 2 ชั่วโมง
- รอประมาณ 3 วันก็จะได้ถั่วงอกปลอดสารพิษ
- นำผลผลิตส่งสหกรณ์โรงเรียนเพื่อต่อยอดสู่โครงการอาหารกลางวัน
- ผลผลิตบางส่วนขายครู บุคคลากรในโรงเรียน ผู้ปกครอง นักเรียน
- นำผลผลิตท่ีได้นำส่งสหกรณ์โรงเรียนเพื่อจำหน่ายให้แก่โครงการอาหารกลางวัน
ผลผลิต
1.ได้ผลผลิตถั่วงอก 36กก./ 3 ถัง
ผลลัพธ์
- ได้รับความรู้การเพาะถั่วงอกจากเจ้าหน้าท่ีฝ่ายพัฒนาชุมชน เขตสะพานสูง
- นักเรียนได้รับประทานอาหารที่ปราศจากสารปนเปื้อน
- ทำให้นักเรียนมีสุขภาพแข็ง
1.ศึกษาวิธีการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์
1.1 ครูอธิบายการปลูกพืชไร้ดินและเชิญวิทยากรที่มีความรู้ในการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์
1.2 วิทยากรอธิบายวิธีการปลูกพืชไร้ดินแบบ Hydroponics ตามขั้นตอนดังนี้
- เตรียมฟองน้ำที่ใช้โดยการผ่าแบ่งให้เหมาะสมกับรางปลูก ใช้ มีดคัตเตอร์ กรีดฟองน้ำเป็นเครื่องหมายคูณ ความลึกของรอยประมาณ 2-3 มิลลิเมตร
- ใส่เมล็ดลงไปในรอยกรีด ประมาณ 2-3 เมล็ด นำไปใส่ในกระบะเพาะ รดน้ำให้ชุ่มแต่ห้ามไม่ให้ระดับน้ำสูงเกินไปจนท่วมเมล็ดเพราะ เมล็ดจะไม่งอกและเน่าในที่สุด
- นำผ้าขาวบางหรือผ้าที่ไม่หนามากนักมาคลุมที่กระบะเพาะ เพื่อเป็นการรักษาความชื้น ทิ้งไว้ 3-4 วัน แต่ต้องมีการเปิดดูทุกๆ วัน
- เมื่อต้นกล้าที่เพาะไว้เริ่มจะแข็งแรงหรือมีอายุได้ประมาณ 5-7 วัน ให้เปิดผ้าออก แล้วนำต้นกล้าออกจากที่ร่มเพื่อมารับแสงแดด 2-3วัน ก็จะได้ต้นกล้าที่สามารถลงในรางปลูกได้
- ย้ายต้นกล้าลงในรางปลูก ให้ฟองน้ำ จมลงในในระดับน้ำเพียงครึ่งหนึ่งของทั้งหมดเพื่อให้รากของต้นพืชได้มีการเจริญเติมโต หาอาหารเองตามธรรมชาติ โดยมีสารละลายธาตุอาหารไหลผ่านรากตลอดเวลา
- ให้ธาตุอาหารตามความเข้มข้นที่เหมาะสม ต่อความต้องการของพืชชนิดนั้น และตามที่ผลิตภัณฑ์สารอาหารนั้นกำหนด
- หมั่นดูแลรักษาทุกวัน สังเกตความต้องการสารอาหารของต้นพืชจากสีของลำต้นและสีของใบ ตามแต่ลักษณะของพืชชนิดนั้นๆ
- ครูให้นักเรียนปลูกพืชไร้ดินแบบ Hydroponics
- นักเรียนดูแลรักษาพืชผักที่ปลูก
- นักเรียนเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ได้จากการปลูก นำส่งโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียนและเสริมสร้างรายได้แก่นักเรียนและจำหน่ายไปยังตลาดนัดนักเรียน
ซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์หน้าระเบียงอาคาร
- ท่อเลฟล่อน
- ถาดเพาะผักไฮโดรโปรนิกส์
- ถ้วยเพาะต้นกล้าผักไฮโดรโปรนิกส์
ซื้อเมล็ดพันธุ์ไฮโดรโปรนิกส์
แบ่งกลุ่มนักเรียนปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์และดูแลรักษาพืชผักที่ปลูก
- การปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ท่ีหน้าระเบียงอาคาร และในถาด
- การใส่ปุ๋ย
- การย้ายต้นกล้า
- การให้น้ำหมุนเวียน
- การชั่งผลผลิตจัดจำหน่ายใส่ถุงขาย
5.นำผลผลิตที่ได้ส่งสหกรณ์โรงเรียนเพิ่อจำหน่ายให้กับโครงการอาหารกลางวันและบุคลากรในโรงเรียน
ผลผลิต 1. นักเรียนรับผิดชอบปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ปลอดสารพิษ จำนวน 100คน ครูที่ปรึกษา 2 คน เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาชุมชน 2 คน 2. ได้ผักไฮโดรโปรนิกส์ปลอดสารพิษในการประกอบอาหาร
ผลลัพธ์ 1. นักเรียนมีความรู้ ทักษะในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์สามารถขยายผลสู่เครื่อข่ายได้ 2. นักเรียนนำผลผลิตขายผ่านสหกรณ์ต่อยอดสู่โครงการอาหารกลางวันของโรงเรียน 3. นักเรียนนำความรู้ ประสบการณ์ท่ีได้รับไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน 4. เป็นอาชีพเสริมเพ่มรายได้ให้แก่ครอบครอบ
- เจ้าหน้าท่ีฝ่ายพัฒนาชุมชน สำนักงานเขตสะพานสูงให้ความรู้นักเรียนแกนนำในการเลี้ยงปลาดุกในบ่อดินแลในวงซีเมนท์
- เตรียมสถานท่ี อุุปกรณ์วัสดุและอาหาร ท่ีใช้เลี้ยงปลาดุกในบ่อดินแลในวงซีเมนท์ 3.ซื้อพันธุ์เลือกพันธุ์ปลาดุกที่มีความแข็งแรงและไม่เล็กเกินไปขนาดประมาณ 2นิ้ว ปลาดุกรัสเซีย 100 ตัว ๆ ละ 3 บาทเป็นเงิน 300 บาท 4.ซื้ออาหารปลาเล็ก 2 กระสอบ ๆ ละ 480 บาท เป็นเงิน 960 บาท 5.ซื้ออาหารปลาโต 2 กระสอบ ๆ ละ 520 บาท เป็นเงิน 1040 บาท 6.ซื้อตาข่ายปิดปากบ่อ 10 เมตร ๆ ละ20 บาท เป็นเงิน 200 บาท
- อธิบายและสาธิตการเลี้ยงปลาดุกในบ่อดินแลในวงซีเมนท์
- ให้นักเรียนลงมือปฏิบัติในการดูแลรักษาสำหรับ ปลาดุก ต้องมีระดับถ่ายเทน้ำให้น้ำใสสะอาดไม่ขุ่น เพราะถ้าน้ำขุ่นหรือน้ำสกปรกที่เกิดจากอาหารตกค้างจะทำให้ปลาดุกตาย อาการจากคุณภาพน้ำไม่ดีจะสังเกตได้จากการที่ปลาจะว่ายน้ำขึ้นลงเร็วกว่าปกติ และจะลอยตัวอยู่เหนือน้ำเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าน้ำกำลังสกปรกและควรเปลี่ยนน้ำทันทีโรงเรียนจึงแก้ปัญหานี้โดยการใช้ระบบหมุนเวียนน้ำ
- นักเรียนช่วยกันอภิปรายและสรุปผลการเลี้ยงปลาดุกในบ่อดินแลในงวซีเมนท์
- นำผลผลิตปลาดุกส่งสหกรณ์โรงเรียนเพื่อต่อยอดสู่โครงการอาหารกลางวันต่อไป
ผลผลิต 1.นักเรียนแกนนำเข้าร่วมจำนวน 35คน 2.ครูและบุคลากรเข้าร่วมจำนวน จำนวน 5 คน 3.ภาคีเครือข่ายเข้าร่วมจำนวน 5 คน 4.มีการเลี้ยงปลาดุกจำนวน 500 ตัว
ผลลัพธ์
- นักเรียนแกนนำมีความรู้ทักษะในการเลี้ยงปลาดุกในบ่อดินแลในวงซีเมนท์ 2.ชุมชนและผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการจัดเลี้ยงปลาดุก
- โรงเรียนเป็นแหล่งเรียนรู้การเลี้ยงปลาดุกในบ่อดินแลในวงซีเมนท์ในชุมชน
- มีผลผลิตปลาดุกส่งสหกรณ์โรงเรียนเพื่อต่อยอดสู่โครงการอาหารกลางวัน
- ส่งรายชื่อแม่ครัวที่อบรมหลักสูตรสุขาภิบาลอาหาร ฝายสิ่งแวดล้อมสุขาภิบาล สำนักงานเขตสะพานสูง
- แม่ครัวรายงานตัวเข้ารัการอบรมหลักสูตรการสุขาภิบาลอาหาร ของกรุงเทพมหานคร
- ได้รับความรู้เรื่องอาหารปนเปื้อนในอาหาร หนอนพยาธิ การจัดสถานท่ีในการประกอบอาหาร การจัดรายการอาหาร ภาชนะอุปกรณ์ การควบคุมแมลงและสัตว์นำโรค การเลือกซื้ผัก ผลไม้
- แบ่งกลุ่มย่อยทำกิจกรรมกลุ่ม
- ทดสอบวัดผลการเรียนรู้
ผลผลิต 1. แม่ครัวเข้ารัการอบรมหลักสูตรการสุขาภิบาลอาหาร ของกรุงเทพมหานคร 2. แม่ครัว.ได้รับความรู้เรื่องอาหารปนเปื้อนในอาหาร หนอนพยาธิ การจัดสถานท่ีในการประกอบอาหาร การจัดรายการอาหาร ภาชนะอุปกรณ์ การควบคุมแมลงและสัตว์นำโรค การเลือกซื้ผัก ผลไม้ 3. แม่ครัวนำความรู้ท่ีได้รัจากการอบรมมาต่อยอดปรังปรุงแก้ไขโรงอาหารท่ีโรงเรียนให้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลอาหาร 4. ส่งผลให้โรงอาหารมีสถานที่ประกอบอาหาร การจัดเก็บอุปกรณ์ และภาชนะ การล้างผัก ผลไม้ สะอาดถูกต้อง ผลลัพธ์ 1. แม่ครัวได้รับความ
- ศึกษาวิธีการเพาะต้นอ่อนทานตะวัน
- ซื้อเมล็ดทานตะวัน ดินเพาะปลูก ตะกร้าเพาะปลูก
- แบ่งกลุมนักเรียนในการเพาะและการดูแลต้นอ่อน
- เตรียมวัสดุเพาะ ได้แก่ ขุยมะพร้าวอ่อน ขี้เถ้แกลบร่อน กับดินร่วน 1ต่อ1 ผสมให้เข้ากัน
- แช่เมล็ดทานตะวันในน้ำอุ่นทิ้งไว้อย่างน้อย 6 ชั่วโมง
- นำวัสดุปลูกใส่ตะกร้าท่ีมีตาถี่ ๆ ประมาณ 3/4 ของภาขนะ
- โรยเล็ดทานตะวันให้ทั่วแล้วเกลี่ยให้ทั่ว โรยขุยมะพร้าวเกลี่ยให้ทั่วอีกครั้งนำไปวางไว้ในท่ีร่ม
- รดน้ำทุกวันเมื่อต้นทานตะวันเจริญเติโตประมาร 4-5 วันสามรถตัดผลผลิตได้
- นำผลผลิตท่ีได้นำส่งสหกรณ์โรงเรียนเพื่อจำหน่ายให้แก่โครงการอาหารกลางวัน
ผลผลิต
-นักเรียนจำนวน 100 คน เข้าร่วมกิจกรรมคิดเป็นร้อยละ 50
-ครูและบุคลากรจำนวน 2 คน เข้าร่วมกิจกรรมคิดเป็นร้อยละ 100
-จัดทำเพาะต้นอ่อนทานตะวันจำนวน 10 ถาด
ผลลัพธ์
1.ได้ต้นอ่อนทานตะวันจำนวน 20 กิโลกรัม
2. นักเรียนได้รับประทานต้นอ่อนทานตะวันปลอดสารพิษ
3. นักเรียนแกนนำที่รับผิดชอบในการเพาะต้นอ่อนทานตะวันมีความรู้ทักษะในการเพาะต้นอ่อนทานตะวันและสามารถนำไปเพาะได้ด้วยต้นเองร้อยละ
4. นักเรียน ครู ผู้ปกครองมีความพึงพอใจร้อยละ